เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) รายงานกำไรสุทธิ 54 ล้านบาทใน 4Q64 ฟื้นตัวจากขาดทุนสุทธิ 603 ล้านบาทใน 3Q64 และขาดทุนสุทธิ 157 ล้านบาทใน 4Q63 หากตัดรายการพิเศษซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และกำไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการกลับรายการสิทธิการใช้ (บันทึกภายใต้รายได้อื่น) ออกไป พบว่าบริษัทมีขาดทุนปกติ 1 พันล้านบาท แย่ลง 31%QoQ และ 731%YoY และแย่กว่าที่ Consensus คาดการณ์ไว้ว่าจะมีขาดทุนปกติ 655 ล้านบาท สำหรับปี 2564 รายงานขาดทุนสุทธิ 1.4 พันล้านบาท และขาดทุนปกติ 2.4 พันล้านบาท นอกจากนี้ TRUE ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น (ผลตอบแทน 1.2%) ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 11 มีนาคมนี้
ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ 4Q64:
TrueMove H (80% ของรายได้รวม) รายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 1.99 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7%QoQ แต่ลดลง 0.2%YoY รายได้ที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ เกิดจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ แต่การฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปทำให้รายได้ยังคงลดลง YoY
ด้านจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิอยู่ที่ 231,000 เลขหมาย โดยแบ่งเป็นระบบเติมเงิน 59,000 เลขหมาย และระบบรายเดือน 172,000 เลขหมาย ส่งผลให้บริษัทมีผู้ใช้บริการรวมทั้งหมด 32.2 ล้านเลขหมาย Blended ARPU ยังคงลดลงต่อเนื่องสู่ 202 บาทต่อเลขหมายต่อเดือน เนื่องจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังรุนแรง โดยรวมแล้วรายได้จาก TrueMove H อยู่ที่ 3.33 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 34%QoQ และ 21%YoY โดยเกิดจากรายได้จากการขายเครื่องโทรศัพท์มือถือที่สูงขึ้นจากการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่
TrueOnline (15% ของรายได้รวม) รายได้อยู่ที่ 6.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1%QoQ แต่ลดลง 9%YoY จำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิเป็นบวกที่ 101,000 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมดอยู่ที่ 4.6 ล้านราย อย่างไรก็ตามการแข่งขันยังคงรุนแรง ซึ่งกดดันให้ ARPU ลดลง 3.2%QoQ และ 4.9%YoY สู่ 507 บาทต่อรายต่อเดือน
TrueVisions (5% ของรายได้รวม) รายได้อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%QoQ แต่ลดลง 12%YoY รายได้ที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ น่าจะเป็นเพราะไม่มีการล็อกดาวน์ ในขณะที่รายได้ที่ลดลง YoY สะท้อนถึงการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปหลังจากคลายล็อกดาวน์
กระทบอย่างไร:
ในวันนี้ (21 กุมภาพันธ์) ณ เวลา 12.30 น. ราคาหุ้น TRUE ปรับตัวลดลง 7.89%DoD อยู่ที่ระดับ 5.25 บาท แย่กว่า SET Index ที่ปรับตัวลดลง 0.49%DoD อยู่ที่ระดับ 1,704.89 จุด
มุมมองต่อผลประกอบการและสิ่งที่ต้องติดตาม:
SCBS ประเมินผลประกอบการ 4Q64 ออกมาแย่กว่า Consensus คาดการณ์ไว้ ในแง่ของกำไรปกติ แต่ไม่คิดว่าจะเห็นแรงเทขายมากนัก เนื่องจากนักลงทุนน่าจะให้ความสนใจกับมูลค่าของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการมากกว่า ส่วนราคาหุ้น TRUE และ DTAC ในตอนนี้สูงกว่าราคา Tender Offer แล้ว
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น TRUE และ DTAC ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.7% และ 8.5% ตามลำดับ โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะตลาดคาดว่าจะเห็นต้นทุนลดลงหลังจากควบรวมกิจการ ซึ่งจากการคำนวณอย่างคร่าวๆ EV/EBITDA ของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการจะอยู่ที่ 6.5 เท่า (อ้างอิง EBITDA ปี 2564) เทียบกับ ADVANC ที่ 8.4 เท่า โดยมอง Valuation ของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการน่าจะต่ำกว่า ADVANC ในขณะนี้ เนื่องจากยังมีข้อมูลจำกัดเกี่ยวกับแผนธุรกิจ รวมถึงยังไม่ทราบว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะเห็นต้นทุนลดลง และสามารถลดต้นทุนลงได้แค่ไหนหลังจากควบรวมกิจการ
อย่างไรก็ตาม SCBS ให้ Tactical Call สำหรับ TRUE ไว้ที่ Neutral โดยจะทบทวนคำแนะนำอีกครั้งเมื่อเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับแผนธุรกิจมากขึ้นหลังการควบรวม