ชีวิตริมแม่น้ำลำคลอง คือ วิถีชีวิตหลักของชาวบ้านใน ‘จังหวัดฉะเชิงเทรา’ หรือ ‘แปดริ้ว’ ตามคำพื้นเมืองที่นิยมเรียกกัน โดยมี ‘หลวงพ่อโสธร’ เป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาตั้งแต่ครั้งอดีต ซึ่งแม้เคยมีศักดิ์เป็นถึงหัวเมืองจัตวาฝั่งตะวันออกและจุดยุทธศาสตร์ในการรบสำคัญสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่กลับถูกลดความสำคัญลงตามกาลเวลา
ปัจจุบันเสน่ห์ของเมืองแปดริ้วอยู่ที่ความสงบเงียบ กลายเป็นเมืองเล็กซึ่งผู้คนไปมาหาสู่กันได้อย่างทั่วถึง ตึกรามบ้านช่องแบบชนบทหาชมได้เกลื่อนกลาด วิถีชีวิตริมน้ำแบบพอเพียง เขียวชอุ่มด้วยผืนป่า ดารดาษด้วยนากุ้ง สวนผลไม้และนาข้าวออกรวงสีเหลืองทอง
What to Do
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
แหล่งการเรียนรู้การเกษตรอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นแบบอย่างการแก้ปัญหาดินในพื้นที่เขาหินซ้อนที่ถูกทำลายจนหมดสภาพ ไม่สามารถเพาะปลูกอะไรได้แม้กระทั่งมันสำปะหลัง โดยเริ่มต้นจากการสร้างอ่างเก็บน้ำ และแปลงเพาะปลูกสาธิตเพียงไม่กี่แปลง ก่อนจะพัฒนาต่อยอดกลายเป็นพื้นที่ 1,240 ไร่ ดังที่เห็นในปัจจุบัน การเที่ยวชมแนะนำให้ใช้รถส่วนตัว โดยไล่จอดตามฐานการเรียนรู้ต่างๆ แปลงร่างเป็นเกษตรกรลงแปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ แปลงหญ้าแฝก การปลูกพืชไร่ พืชสวน ไปจนถึงวิธีการขุดบ่อเลี้ยงปลา การเลี้ยงสัตว์ ศึกษาวิธีการเลี้ยงสัตว์
Address: เลขที่ 7 หมู่ 2 เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
Contact: 0 3855 4982
TT Melon Farm
ฟาร์มเมลอนปลอดสารพิษในอ.พนมสารคาม ที่อยู่ห่างจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน เพียง 10 นาทีเศษ ธัชพิชญ์ ไชยธีรานุวัฒศิริ เจ้าของฟาร์มแห่งนี้ผันตัวจากวงการธุรกิจยนต์ โดยน้อมนำ ‘หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง’ เป็นธงนำชีวิต ศึกษาเกษตรทฤษฎีใหม่ วิธีการจัดสรรน้ำและการปรับปรุงดินอยู่นานกว่าจะมาเป็นฟาร์มเมลอนที่เราเห็นทุกวัน ที่นี่ปลูกเมลอนทั้งหมด 8 สายพันธุ์ เก็บเกี่ยวทุกๆ 3 เดือน เพื่อรสชาติเมลอนที่หวานหอมอร่อย เมลอน 1 ต้นจะต้องให้ผลเพียง 1 ลูกและ 1 ครั้งในรอบผลผลิตหนึ่งเท่านั้น
เปิดให้ชมฟาร์มฟรีทุกวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 5 รอบต่อวัน มาฟาร์มเมลอนทั้งที อย่าลืมคลายร้อนด้วยหวานเย็นจากผลิตภัณฑ์เมลอนนานาชนิด อาทิ เมลอนสด ไอศกรีมเมลอน บิงซูเมลอน ฯลฯ หวานหอม เย็น ชื่นใจ หากใครหิวหน่อยจะเลือกรองท้องด้วยสลัดผักสดปลอดสารก็ได้เช่นกัน
Address: 99/9 ม.2 ถนน 304 เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
Contact: 09 9249 4494
ล่องเรือรอบเกาะลัด
ชมธรรมชาติและวิถีชีวิตของชาวบ้านสองฟากฝั่งแม่น้ำบางปะกง เกาะลัดเป็นเกาะขนาดใหญ่กลางแม่น้ำบางปะกง มีเนื้อที่ราว 2,800 ไร่ ส่วนใหญ่ใช้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยและเกษตรกรรม โดยเฉพาะนาข้าว พลู และหมาก การล่องเรือรอบเกาะแนะนำให้ขึ้นที่ท่าตลาดน้ำบางคล้า ส่วนใหญ่เป็นเรือเหมาราคา 300 บาทต่อเที่ยว นั่งได้ 4-6 คน ประทับใจยามแสงอาทิตย์อัสดง ชมวิถีชีวิตริมน้ำบ้านเรือนทรงไทย สัมผัสชีวิตเรียบง่ายแบบไทยๆ ทิวทัศน์ป่าต้นลำพูที่ขึ้นตามธรรมชาติ ผ่านวัดโพธิ์บางคล้า วัดปากน้ำโจ้โล้ และชมพระสถูปเจดีย์พระเจ้าตากสินซึ่งตั้งอยู่ใกล้กัน
Address: ริมแม่น้ำบางปะกง อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
Contact: มีเรือให้บริการหลายเจ้า แนะนำเจ้าที่ชื่อ ‘ลุงดำ’ น่ารักเป็นกันเอง ติดต่อได้ที่ 08 7084 8115
Local Experience
“ในแม่น้ำบางปะกง ปลาที่เราเห็นว่ามีสามเงี่ยง คล้ายปลากดแต่ตัวเล็กกว่า คนแปดริ้วเขาเรียกว่า ‘ปลาอุก’ เป็นปลาน้ำกร่อย ชาวบ้านนิยมนำไปแกงหน่อไม้ หรือนำไปทำเป็นปลาแดดเดียว บั้งเป็นริ้วทาเกลือแล้วทอด อร่อยมาก ใครอยากเห็นให้ลองเอาอาหารไปให้แถววัดโพธิ์ ย้ำกว่าแค่เห็น ห้ามจับ”
– ลุงดำ ชาวบ้านเกาะลัด
วัดโพธิ์บางคล้า
สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และคาดว่าเคยเป็นที่พักทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งยกทัพไปต่อสู้กับพม่า บรรยากาศด้านในร่มรื่นด้วยเงาไม้ใหญ่ มีศาลาวัดเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ดัง รวมถึงพระพุทธรูปสำคัญของไทยหลายองค์ ด้านหน้าวัดมีวิหารเก่าแก่อายุหลายร้อยปี เป็นทรงจตุรมุขหลังคามุกด้วยกระเบื้ยงเกล็ดเต่า ปัจจุบันเหลือเพียงฝาผนังปูนและพระพุทธรูปปางไสยาสน์เท่านั้นที่ยังคงเป็นของเดิม นอกจากกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คนต่างถิ่นยังนิยมมาชมฝูง ‘ค้างคาวแม่ไก่’ จำนวนนับแสนตัวที่ห้อยหัวลงตามกิ่งไม้ใหญ่รอบวัดในเวลากลางวัน เมื่อถึงยามพลบค่ำก็ออกไปหากินในถิ่นอื่น ชาวบ้านแถวนั้นเล่าให้ฟังว่าน่าแปลกที่ค้างคาวพวกนี้มักกินผลไม้ในวัดเป็นอาหาร และไม่เคยไปทำความเสียหายให้กับสวนผลไม้ของชาวบ้านเลย
Address: 256 ประชานิรมิตร ต.บางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
วัดปากน้ำโจ้โล้
พระอุโบสถเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ทาสีทองทั้งหลัง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกงใน อ.บางคล้า เดิมมีศักดิ์เป็นแค่สำนักสงฆ์ ก่อนถูกยกระดับในเวลาต่อมาหลังสงครามสิ้นสุด ที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของทัพพม่า ซึ่งยกทัพไปปะทะกับกองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากฯ ทรงมีชัย จึงโปรดฯ ให้สร้างเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ คือ พระสถูปเจดีย์พระเจ้าตากสิน ที่ตั้งอยู่ใกล้กัน ภายนอกพระอุโบสถประกอบด้วยกำแพงแก้ว 4 ด้าน มีซุ้มประตู 2 ด้าน ส่วนอีก 2 ด้านเป็นช่องประตูมียักษ์ทวารบาล ทุกสัดส่วนตกแต่งด้วยปูนปั้นวิจิตรลออ ด้านในมีพระประธานปางมารวิชัยประดิษฐาน ฐานพระประธานสร้างเป็นห้องมีประตูทะลุ เชื่อกันว่าหากได้ลอดจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
Address: ต.ปากน้ำ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
อุทยานพระพิฆเนศคลองเขื่อน
พระพิฆเนศเนื้อสำริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความสูง 30 เมตร ไม่รวมแท่นประดิษฐาน ตั้งตระหง่านโดดเด่นท่ามกลางเทือกสวนไร่นา ‘พระพิฆเนศปางยืน องค์สำริด สำเร็จ สมปรารถนา’ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากพระหัตถ์ทั้ง 4 ถือพืชพรรณและธัญญาหาร ได้แก่ กล้วย ยอดอ้อย มะม่วง ขนุน และพระบาทมีหนูกอด ลูกมะพร้าว ซึ่งทั้งหมดหมายถึงความอุดมสมูบรณ์ของแผ่นดิน
Address: เลขที่ 62 หมู่ 4 ถ.บางตลาด อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา
วัดสมานรัตนาราม
วัดดังที่เลื่องลือเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตัวองค์มีลักษณะกึ่งนั่งนอนตะแคง เนื้อชมพู พระหัตถ์ซ้ายถืองาหัก พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว รอบฐานมีพระพิฆเนศ 32 ปาง พระพิฆเนศปางนี้สื่อถึงความสุขสบาย ความบริบูรณ์พร้อมในทุกด้าน วัดนี้คนชอบมาของานขอเงินเป็นประจำ ผู้ใดบูชาจะไร้ทุกข์ ไร้โศก มีกิน มีใช้ สมบูรณ์ด้วยโชคลาภ
นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นให้สักการะกราบไหว้ อาทิ พระธาตุอินทร์แขวนจำลอง หลวงพ่อองค์ดำ จระเข้โหราเทพารักษ์ พระพิฆเนศปางปาฏิหาริย์ 108 กร พระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานบุตร องค์ท้าวมหาพรหม และพระราหูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย
Address: 2012 ถนน อบต.ฉะเชิงเทรา ต.คลองเขื่อน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
วัดโสธรวรารามวรวิหาร
วัดคู่บ้านคู่เมืองแปดริ้ว เป็นที่ประดิษฐานของ ‘หลวงพ่อโสธร’ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือของคนทั้งจังหวัด แต่เดิมเป็นวัดราษฎร์ มีชื่อว่า ‘วัดหงส์’ สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ภายหลังได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 9 ให้ยกระดับเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร และรับสั่งให้จัดสร้างโบสถ์หลังใหม่ครอบหลังเดิม ภายในสวยงามด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบตั้งแต่พื้นพระอุโบสถจรดเพดาน แสดงเรื่องราวแดนแห่งทิพย์ ของสีทันดรมหาสมุทร ประชาชนเป็นจำนวนไม่น้อยนิยมมาบนบานศาลกล่าว ว่ากันว่าขอสิ่งใดได้สิ่งนั้น ทุกเรื่องยกเว้น 2 เรื่องที่ไม่สมหวังคือ ขอไม่เป็นทหารและขอบุตร เนื่องจากท่านนิยมชมชอบให้บุรุษปกป้องบ้านเมือง ส่วนของเซ่นไหว้ ชาวบ้านเชื่อว่า ไข่ต้ม คือสิ่งที่หลวงพ่อชอบมากที่สุด
Address: ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
What to Eat
ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ
เมนูมีชื่อประจำจังหวัดที่ใครมาเป็นต้องกิน ลักษณะเป็นข้าวเกรียบปากหม้อไส้ต่างๆ ทว่าเวลากินคล้ายกับก๋วยเตี๋ยว หม่ำคู่กับซุปใสใส่กระดูกหมู ขาไก่ หรือหัวไชเท้า แล้วแต่สูตรเฉพาะของทางร้าน ใครชอบเผ็ด ชอบเปรี้ยวก็ปรุงตามใจ รสชาติของปากหม้อจะเป็นไปตามไส้ หวานๆ เค็มๆ นิดๆ เจ้าเด็ดชวนลองแนะนำร้านเจ๊จุ๊ ซึ่งอยู่ห่างจากวัดหลวงพ่อโสธรเพียง 6 นาทีโดยรถยนต์
Address: ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
Contact: 08 6706 3154
“ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ถ้าให้กินแบบโบราณเลย ต้องนั่งกินแบบล้อมวงโดยมีแม่ค้าอยู่ตรงกลาง นักชิมจะมีถ้วยน้ำซุปประจำอยู่คนละถ้วย ใครอยากกินไส้ไหนก็สั่ง ไส้ก็มีไม่กี่ชนิด แม่ค้าจะทำเป็นคำๆ แล้วเสิร์ฟลงในถ้วยซุป สั่งไป คุยไป กินไป เช่นนี้จนกว่าจะอิ่ม เป็นอีกหนึ่งความสนุกเวลากินเชียวละ” – เจ๊จุ๊ ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ
ตลาดคลองสวน 100 ปี
ตลาดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เคยใช้เป็นเส้นทางสัญจรสำคัญทางน้ำระหว่างประตูน้ำท่าถั่วจนถึงประตูน้ำ วังสระปทุม ปัจจุบันตลาดคลองสวน 100 ปี กลายเป็นแหล่งนัดพบของคนพื้นถิ่น นั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติตามร้านกาแฟโบราณ หาของกินอร่อยๆ ตามร้านรวงต่างๆ เหมาะสำหรับมาเดินเล่นรับลมริมคลอง ดูผู้คน กินของอร่อย หาซื้อของกินของฝากกลับบ้าน
Address: ริมคลองประเวศบุรีรมย์ ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา
Getting There
- ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ วิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 304 ระยะทาง 75 กิโลเมตร หรือวิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 34 เส้นบางนา-ตราด แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 314 ระยะทาง 90 กิโลเมตร
- บริการรถไฟออกจากสถานีหัวลำโพง ไปฉะเชิงเทราทุกวัน วันละ 11 ขบวน เที่ยวแรก 05.55 น. ถึงเที่ยวสุดท้าย 18.25 น. ดูรอบและอัตราโดยสารได้ที่ www.railway.co.th
- รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารปรับอากาศออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที เส้นทางมอเตอร์เวย์ ตั้งแต่เวลา 05.20-18.00 น. รถออกทุกครึ่งชั่วโมง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สถานีขนส่งสายเหนือ (ถนนกำแพงเพชร 2) โทร. 0 2936 2852-66 ต่อ 311, 442