ส่องตัวอย่างประเทศที่จับมือทำ Travel Bubble ฟื้นฟูประเทศผ่านการท่องเที่ยว

Travel Bubble หรือการเปิดพรมแดนสร้างระเบียงการท่องเที่ยว ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญที่รัฐบาลหลายประเทศเริ่มผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อฟื้นฟูประเทศผ่านการท่องเที่ยว หลังสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้แล้วระดับหนึ่ง และอัตราการติดเชื้อเพิ่มก็อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ โดยส่วนมากจะเริ่มจับมือกับประเทศ/เขตเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงติดเชื้อต่ำ เป็นประเทศเพื่อนบ้าน อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน หรืออยู่ในกลุ่มความร่วมมือเดียวกัน

กลุ่มประเทศบอลติกได้เดินหน้าทำข้อตกลง Travel Bubble กันตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยทั้งสามประเทศ สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมกันไม่ถึง 5,000 ราย ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่เพียงหลักหน่วยต่อวันเท่านั้น

ขณะที่ประเทศที่สามารถรับมือกับคลัสเตอร์แรงงานต่างชาติขนาดใหญ่ในประเทศอย่างสิงคโปร์ก็จับมือกับรัฐบาลจีน โดยเริ่มทำ Fast Lane อำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนและนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศแล้วเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยเชื่อมต่อสิงคโปร์กับ 6 เมืองใหญ่ของจีน อย่างฉงชิ่ง กวางตุ้ง เจียงซู เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน และเจ้อเจียง ซึ่งจะต้องมีเอกสารยืนยันผลการตรวจว่าไม่ติดโควิด-19 ก่อนการเดินทางเข้าประเทศ

ส่วนกลุ่มประเทศแถบสแกนดิเนเวียอย่างเดนมาร์ก นอร์เวย์ ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์ (ยกเว้นสวีเดน ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน) จะเริ่มทยอยเปิดพรมแดนระหว่างกันในวันนี้ (15 มิถุนายน) รวมถึงประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปด้วยเช่นกัน ที่เริ่มดำเนินมาตรการคลายล็อกดาวน์และผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มทางสังคมมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว โดยสเปนจะเปิดพรมแดนประเทศให้สมาชิก EU ในวันที่ 21 มิถุนายน และคาดว่าจะเปิดพรมแดนกับโปรตุเกสในวันที่ 1 กรกฎาคม

ขณะที่ทางการไทยก็เตรียมผลักดัน Travel Bubble จับคู่ประเทศ/เขตเศรษฐกิจที่สามารถจัดการโรคโควิด-19 ได้ดีเท่าๆ กัน โดยระยะแรกจะเปิดรับกลุ่มนักธุรกิจและกลุ่มที่ต้องการเข้ามารักษาพยาบาลในไทย คาดว่าจะอนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาประมาณวันละ 1,000 คน ซึ่งเมื่อดำเนินการไปสักระยะหนึ่งแล้วพบว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี ก็จะพิจารณาให้นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ เข้ามาตามลำดับ โดยจะมีมาตรการรองรับ เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับบรรดานักท่องเที่ยวและคนในประเทศ

ส่วนทรานส์แทสมัน Travel Bubble แรกๆ ที่ริเริ่มโดยออสเตรเลียและนิวซีแลนด์กลับล่าช้าออกไปอีก คาดจะเริ่มขับเคลื่อนได้อีกครั้งหลังช่วงกลางเดือนกันยายน เนื่องจากออสเตรเลียยังคงมีข้อจำกัดด้านการเดินทางอยู่มากในขณะนี้ อีกทั้งยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในระดับหลักหน่วยหรือหลักสิบต้นๆ ก็ตาม โดยมีความพยายามที่จะให้ประเทศที่ปลอดผู้ติดโควิด-19 แล้วอย่างนิวซีแลนด์ ทำ Travel Bubble กับบรรดาประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำหรือบางประเทศก็ยังไม่พบผู้ติดโควิด-19 รายแรกของประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านมิติการท่องเที่ยวร่วมกัน