นิวซีแลนด์-ออสเตรเลียขับเคลื่อนทรานส์-แทสมันบับเบิลต่อ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย

วานนี้ (12 มีนาคม) ทางการนิวซีแลนด์และออสเตรเลียผ่อนคลายมาตรการรับมือโควิด-19 และกลับมาขับเคลื่อน ทรานส์-แทสมันบับเบิลต่ออีกครั้ง หลังสถานการณ์โควิด-19 ของทั้งสองประเทศเริ่มคลี่คลายลง แต่ยังคงจำกัดรัฐที่นักท่องเที่ยวจากนิวซีแลนด์จะสามารถเดินทางเข้าออสเตรเลียได้โดยไม่ต้องกักตัว อีกทั้งยังเป็นการเดินทางแบบ One-way โดยชาวออสเตรเลียยังไม่สามารถเดินทางไปยังนิวซีแลนด์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องกักตัวในช่วงระยะเวลานี้

โดยนักท่องเที่ยวจากเมืองโอ๊กแลนด์ สามารถเดินทางเข้ารัฐนิวเซาท์เวลส์ และรัฐวิกตอเรียของออกสเตรเลียได้โดยไม่จำเป็นต้องกักตัว แต่ยังต้องตรวจหาการติดเชื้อและต้องมีผลตรวจเป็นลบ จึงจะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ารัฐได้ ขณะที่รัฐควีนส์แลนด์ยังไม่ประกาศให้เดินทางเข้ารัฐได้ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้

ทั้งสองประเทศจัดตั้งเขตปลอดโควิด-19 ทรานส์-แทสมันบับเบิล ที่อนุญาตให้ทั้งสองประเทศเดินทางไปมาหากันได้ โดยไม่จำเป็นต้องกักตัว ตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2020 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มเงื่อนไขบางประการ หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อหรือคลัสเตอร์การระบาดแห่งใหม่ในทั้งสองประเทศ

ขณะที่นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ยังคงสนับสนุนมาตรการทราเวล บับเบิลต่อเนื่อง อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากนีวเว (Nieu) สามารถเดินทางมายังนิวซีแลนด์ได้ เพื่อส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวของประเทศ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก

ขณะนี้นิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 2,422 ราย ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อสะสม 29,101 ราย ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมแล้วกว่า 119 ล้านราย (119,029,544 ราย) รักษาหายแล้ว 96,255,773 ราย หรือคิดเป็นราว 81% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เสียชีวิตแล้ว 2,638,978 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 2.2%

ล่าสุด สหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุด (29,343,690 ราย) และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมมากที่สุดกว่า 5.1 แสนราย ตามมาด้วย บราซิล (11,363,380 ราย) อินเดีย (11,308,846 ราย) รัสเซีย (4,321,588 ราย) และสหราชอาณาจักร (4,261,398 ราย) พบผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 186 จาก 193 ประเทศทั่วโลก

บทความที่เกี่ยวข้อง: