ภาพของระเบิดรุนแรงและควันรูปทรงเห็ดขนาดยักษ์ที่เกิดขึ้นในคลังสินค้าบริเวณท่าเรือกรุงเบรุต ช่วง 18.00 น. วานนี้ (4 สิงหาคม) ตามเวลาท้องถิ่น สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก ขณะที่ชาวเลบานอนยิ่งตกตะลึงและโกรธแค้น เมื่อรับรู้ว่าต้นตอการระเบิดที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 100 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 4,000 ราย มาจากสารเคมีแอมโมเนียมไนเตรทที่ใช้ทำระเบิด ซึ่งทางการเองนำมาเก็บไว้ในคลังสินค้าหมายเลข 12 ของท่าเรือที่อยู่ใกล้พื้นที่ชุมชนนานกว่า 6 ปี ‘โดยไม่มีการจัดการและควบคุมมาตรการความปลอดภัย’ แม้จะรับรู้ว่าสารเคมีชนิดนี้มีอันตรายร้ายแรงมากแค่ไหน
สารแอมโมเนียมไนเตรทนั้นสามารถนำมาเป็นส่วนประกอบในการผลิตทั้งวัตถุระเบิดหรือปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรท ซึ่งที่ผ่านมาเคยเป็นชนวนให้เกิดเหตุระเบิดรุนแรงทั่วโลกมาแล้วหลายครั้ง
สำหรับที่มาของสารแอมโมเนียมไนเตรททั้งหมด 2,750 ตันนั้น ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2013 โดยเรือขนส่งสินค้า MV Rhosus สัญชาติมอลโดวา ที่ชาวรัสเซียเป็นเจ้าของ เป็นผู้ขนส่งสารเคมีอันตรายดังกล่าวออกจากเมืองบาทูมี ประเทศจอร์เจีย มุ่งหน้าไปยังเมืองเบียรา ประเทศโมซัมบิก แต่ระหว่างทางกลับเกิดปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง ทำให้จำเป็นต้องเทียบท่าที่กรุงเบรุต เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2013
หลังเข้าเทียบท่า ปรากฏว่าเรือ Rhosus ถูกเจ้าหน้าที่การท่าเรือสั่งห้ามนำเรือออกทะเล เนื่องจากผลตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่เทคนิคพบว่า เรือนั้นขัดข้องเกินกว่าจะออกทะเลได้ ทำให้ลูกเรือและกัปตันต้องสละเรือ ขณะที่ทางการเลบานอนพยายามติดต่อเจ้าของเรือ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ท้ายที่สุดสารแอมโมเนียมไนเตรททั้งหมดจึงตกเป็นภาระรับผิดชอบของการท่าเรือเลบานอน ซึ่งได้เคลื่อนย้ายไปเก็บไว้ที่คลังสินค้าหมายเลข 12 ของท่าเรือเบรุตในเวลาต่อมา
จากนั้นวันที่ 27 มิถุนายน 2014 ผู้อำนวยการกรมศุลกากรเลบานอน ณ ขณะนั้น ได้ส่งจดหมายด่วนถึงผู้พิพากษากรุงเบรุต ขอให้มีคำสั่งจัดการกับสารแอมโมเนียมไนเตรทดังกล่าว ซึ่งหลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรยังได้ส่งจดหมายไปอีก 5 ฉบับ ตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2014 จนถึงเดือนตุลาคม ปี 2017 เพื่อขอให้ผู้พิพากษาให้คำแนะนำในการจัดการกับสารแอมโมเนียมไนเตรท โดยเสนอตัวเลือก 3 แนวทาง คือ
- ส่งออกไปยังประเทศอื่น
- มอบให้แก่กองทัพเลบานอน
- ขายให้กับบริษัทด้านวัตถุระเบิดของเลบานอน
ซึ่งหนึ่งในจดหมายขอคำแนะนำที่ส่งไปนั้น ไม่ได้รับความสนใจจากผู้พิพากษาและไม่มีการตอบกลับ โดยเนื้อหาบางส่วนในจดหมายฉบับที่ถูกส่งไปเมื่อปี 2016 นั้น ระบุไว้ว่า
“ในมุมมองของการเก็บสินค้าอันตรายร้ายแรงเหล่านี้ไว้ในคลังสินค้า ซึ่งมีสภาพอากาศไม่เหมาะสม เรายืนยันข้อเรียกร้องให้ (ผู้พิพากษา) โปรดร้องขอไปยังสำนักงานเดินเรือ ให้ส่งออกสินค้าเหล่านี้ออกไปในทันที เพื่อรักษาความปลอดภัยของท่าเรือและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน หรือพิจารณาขายสินค้าเหล่านี้ให้แก่บริษัทเอกชนด้านวัตถุระเบิดของเลบานอน”
ในอีก 1 ปีถัดมา ผู้อำนวยการกรมศุลกากรเลบานอนคนใหม่ที่เข้ามารับตำแหน่งก็ส่งจดหมายไปยังผู้พิพากษากรุงเบรุตอีกครั้ง ขอให้ตัดสินใจหาทางออกในเรื่องนี้ โดยให้เหตุผลความกังวลต่ออันตรายจากการทิ้งสารเคมีเหล่านี้ไว้ในท่าเรือ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกิดขึ้น
ซึ่งหลังจากผ่านไปเกือบ 3 ปี สารแอมโมเนียมไนเตรททั้งหมด 2,750 ตัน ก็ยังคงอยู่ในคลังสินค้าของท่าเรือเบรุต โดยที่ไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปไหน กระทั่งเกิดเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้ขึ้น
ส่วนคำถามว่า อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นนั้น ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม ซึ่งอาจเป็นเหตุเพลิงไหม้ที่ทำให้สารเคมีติดไฟ แต่จะเป็นการจงใจจุดระเบิดหรือไม่นั้นยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ซึ่งทางการขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งสันนิษฐานหรือคาดเดาไปเอง
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- https://www.aljazeera.com/news/2020/08/officials-knew-danger-beirut-port-years-200805032416684.html
- https://shiparrested.com/wp-content/uploads/2016/02/The-Arrest-News-11th-issue.pdf
- https://en.wikipedia.org/wiki/2020_Beirut_explosions
- https://stableseas.org/maritime-terrorism/explosion-beirut-seafarer-rights