แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทยที่เคยเป็น ‘แลนด์มาร์ก’ ที่นักท่องเที่ยวต่างมาเช็กอิน ได้ทยอยล้มหายก่อนที่ประเทศไทยจะกลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนอีกครั้งในช่วงกลางเดือนตุลาคม เนื่องจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตา ส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บทความจาก Nikkei Asia ระบุว่า ‘ตลาดนัดรถไฟรัชดา’ ซึ่งเป็นตลาดนัดกลางคืนยอดนิยมของกรุงเทพฯ กลายเป็นหนึ่งในเหยื่อธุรกิจรายล่าสุดที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด จากที่มีกำหนดกลับมาเปิดในวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่สุดท้ายต้องเลื่อนการเปิดอย่างไม่มีกำหนดแทน
จากบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยหลังคาจากผ้าใบที่เรียงต่อกัน ซึ่งดึงดูดทั้งคนไทยและชาวต่างชาติให้มาเดินเที่ยว เช็กอิน ถ่ายรูปและโพสต์บน Twitter และ Instagram ก่อนจะไปเพลิดเพลินกับการซื้อของเก่าและของที่ระลึก รับประทานอาหารจากแผงลอย ดื่มเครื่องดื่ม และพบปะกับคนแปลกหน้า
แต่วันนี้ภาพของตลาดนัดรถไฟรัชดากลับรกร้าง มีเพียงเต็นท์แผงลอยสองสามหลังเท่านั้น ขณะที่สายไฟที่เคยสร้างความสว่างกลับถูกทิ้งบนพื้นคอนกรีต ผู้ขายรายหนึ่งระบุว่า ได้รับคำสั่งให้เก็บของและออกจากพื้นที่ไปภายในสองสัปดาห์
กรณีของตลาดนัดรถไฟรัชดากลายเป็นที่มาของคำถามว่า หากนักท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้ง ‘แหล่งท่องเที่ยว’ ที่คุ้นหูจะยังมีอยู่หรือไม่ ซึ่งย้อนกลับไปในเดือนมิถุนายน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ว่าประเทศไทยจะเปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนภายใน 120 วัน โดยยืนยันว่ารายได้จากการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
แม้ว่ารัฐบาลจะยังไม่ปรับเป้าหมายการเปิดประเทศ ท่ามกลางตัวเลขผู้ติดเชื้อวันละ 20,000 คนต่อวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และรวมยอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันตั้งแต่เริ่มแพร่ระบาดเกิน 800,000 คน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้เป้าหมายการเปิดรับนักท่องเที่ยวตามกำหนดเดิมนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น
สถานการณ์โควิดที่เลวร้าย ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องคิดหนักหากจะมาเยือน โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ ได้ประกาศให้ไทยอยู่ในระดับ 4 ของการระบาดโรคโควิด “เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศไทยในปัจจุบัน แม้แต่นักเดินทางที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนก็อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่เชื้อโควิดได้”
รัฐบาลตั้งความหวังว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังนักท่องเที่ยวกลับเข้ามา กระนั้นแม้ว่าประเทศไทยจะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ทรัพยากรการท่องเที่ยวที่ลดลงอาจส่งผลต่อแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวได้
นอกจากตลาดนัดรถไฟรัชดาแล้ว ‘สวนเสือศรีราชา’ ก็เป็นอีกรายที่ตัดสินใจปิดอย่างไม่มีกำหนดหลังจากปิดให้บริการมา 24 ปี สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรีแห่งนี้ได้รับความนิยมจากชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่น ชาวจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย และรัสเซีย ซึ่งเคยต้อนรับผู้เยี่ยมชม 1.5 ล้านคนต่อปี
“ในวันที่ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ถึงแม้จะได้รับความรักและเอ็นดูจากนักท่องเที่ยวชาวไทยในช่วงที่ผ่านมา แต่เราก็ไม่สามารถประคับประคองธุรกิจให้เดินต่อไปได้” หนึ่งในข้อความบนแถลงการณ์ของสวนเสือศรีราชาที่โพสต์ผ่าน Facebook “เราตระหนักดีว่าธุรกิจท่องเที่ยวเอกชนประเภทสวนสัตว์ขนาดใหญ่ต้องอาศัยความร่วมมือ ทั้งแรงกาย แรงใจ ความอดทน และที่สำคัญคือทุนทรัพย์”
สวนสัตว์พยายามขายช้าง 11 ตัว ในราคาตัวละ 3 ล้านบาท ในเดือนพฤษภาคม แต่ทางการได้ระงับความพยายามดังกล่าว เนื่องจากช้างเป็นสัตว์คุ้มครอง ขณะที่สัตว์ทั้ง 5,000 ตัว ถูกระบุว่าได้ย้ายไปไว้ในที่ดินที่บริษัทเป็นผู้ถือครอง โดยสวนเสือศรีราชากล่าวว่าไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเปิดอีกหรือไม่ แต่อาจจะย้ายสถานที่หากมีการเปิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
การปิดอย่างไม่มีกำหนดของตลาดนัดรถไฟรัชดาและสวนเสือศรีราชาเป็นเพียงตัวอย่างของสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ไม่สามารถผ่านคลื่นของโรคระบาดได้ แม้ว่ารัฐบาลจะเร่งเปิดประเทศเพื่อทำให้ธุรกิจต่างๆ กลับมามีรายได้และไม่ต้องปิดกิจการก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘จีนเปิดประเทศ’ เร็วกว่าคาด ประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ เริ่ม 8 มกราคมปีหน้า
- ประกาศแล้ว! อิตาลีเตรียมบังคับผู้เดินทางจากจีนทุกรายตรวจโควิดก่อนเข้าประเทศ หลังพบผู้เดินทางจากจีนสู่มิลานครึ่งหนึ่ง ‘ติดโควิด’
- หอการค้าฯ มองตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติปีหน้าอาจสูงถึง 25 ล้านคน หลังจีนส่งสัญญาณเปิดประเทศ แนะภาคบริการเร่งเตรียมพร้อมรองรับ
อ้างอิง: