×

Top Gun: Maverick การพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้าอีกครั้ง เพื่อขึ้นไปเป็น ‘ที่สุดของที่สุด’ หนังแอ็กชันแห่งปี

25.05.2022
  • LOADING...
Top Gun: Maverick

Top Gun: Maverick นับว่าเป็นการกลับมาสานต่อเรื่องราวอีกครั้งในรอบ 36 ปีของ Top Gun (1986) หนึ่งในภาพยนตร์สุดคลาสสิกแห่งยุค 80 ที่ได้ Tom Cruise (ทอม ครูซ) นักแสดงขวัญใจคอหนังแอ็กชัน กลับมาสวมบทเป็น Pete ‘Maverick’ Mitchell เช่นเดิม พร้อมด้วย Joseph Kosinski ผู้กำกับที่เคยร่วมงานกับ Tom Cruise มาแล้วใน Oblivion (2013) มารับหน้าที่สานต่อเรื่องราว และ Jerry Bruckheimer ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Top Gun ภาคแรก กลับมาดูแลในตำแหน่งโปรดิวเซอร์

 

Top Gun: Maverick จะบอกเล่าเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ในภาคแรกนาน 30 ปี เมื่อ Pete ‘Maverick’ Mitchell นักบินขับไล่มากฝีมือแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้รับคำสั่งจากนายพล Tom ‘Iceman’ Kazansky (Val Kilmer) ผู้เป็นอดีตเพื่อนร่วมรบของตนเอง ให้ไปรับหน้าที่เป็นครูฝึกพิเศษของโรงเรียน Top Gun เพื่อฝึกฝนเหล่านักบินระดับท็อปของกองทัพเรือสหรัฐฯ ก่อนที่จะส่งเขาและเธอไปทำภารกิจสุดหินที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน 

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

 


 

แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะซับซ้อนกว่านั้น เมื่อหนึ่งในนักบินที่ Maverick ต้องฝึกสอนคือ Bradley ‘Rooster’ Bradshaw (Miles Teller) ผู้เป็นลูกชายของ Nick ‘Goose’ Bradshaw (Anthony Edwards) เพื่อนสนิทที่เสียชีวิตระหว่างการฝึกบิน จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ Maverick ต้องเผชิญหน้ากับความผิดพลาดในอดีต ไปพร้อมกับการหาวิธีฝึกฝนเหล่านักบินระดับท็อปให้สามารถทำภารกิจสุดหินให้สำเร็จ โดยไม่ให้มีใครต้องสละชีวิต 

 

 

Top Gun ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์แอ็กชันที่อัดแน่นไปด้วยฉากสุดไอคอนิกที่แฟนๆ ยังคงจดจำได้ดีมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นฉากเปิดเรื่องที่มาพร้อมกับเพลงประกอบอย่าง Danger Zone ของ Kenny Loggins, ฉากแอ็กชันกลางเวหาที่สมจริงและตื่นตาตื่นใจ ไปจนถึงคาแร็กเตอร์สุดเท่ของ Maverick ที่มาพร้อมกับแว่น Ray-Ban เสื้อกั๊ก และมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ฯลฯ 

 

ซึ่งดูเหมือนว่าตัวผู้กำกับ Joseph Kosinski และทีมเขียนบทจะเข้าใจจุดเด่นข้อนี้ดี พวกเขาจึงตัดสินใจนำเสนอเรื่องราวของ Top Gun: Maverick ด้วยความเคารพต้นฉบับที่ Tony Scott ผู้กำกับจากภาคแรกเคยสร้างเอาไว้พอสมควร เช่น คาแร็กเตอร์ของตัวละคร Jake ‘Hangman’ Seresin (Glen Powell) ที่มั่นอกมั่นใจในตัวเองและพร้อมจะปะทะฝีปากกับคนรอบข้าง ก็ชวนให้เราคิดถึงตัวละคร Iceman ที่เป็นคู่กัดกับ Maverick ในภาคแรก ไปจนถึงการใส่มุกตลก ประโยคที่เป็นที่จดจำ และฉากไอคอนิกอีกมากมาย มาสอดแทรกไว้ให้แฟนๆ ได้หายคิดถึง

 

 

ขณะเดียวกันผู้กำกับและทีมเขียนบทก็ไม่ได้หยิบกิมมิกจากภาคแรกมาใช้เท่านั้น แต่พวกเขายังนำประเด็นต่างๆ ของภาคแรกมาต่อยอดเรื่องราวให้มีความร่วมสมัยและชวนติดตามด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการพาผู้ชมไปสำรวจพัฒนาการของ Maverick อย่างลึกถึงแก่น 

 

ทั้งการที่ Maverick ต้องมาเป็นครูฝึกสอนให้กับนักบินระดับท็อปที่ฝีมือดีไม่แพ้ตัวเอง การต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดในอดีตที่สูญเสีย Goose เพื่อนสนิทของตัวเองไป แถมยังต้องมาเป็นครูฝึกสอนของ Rooster ลูกชายของ Goose ที่ดูจะไม่ลงรอยกันเท่าไรนัก ไปจนถึงการ ‘ยึดติด’ กับการเป็นนักบินขับไล่ ที่แม้อายุอานามของเขาจะเยอะเกินกว่าจะขึ้นไปโฉบเฉี่ยวบนเวหาเหมือนสมัยยังหนุ่ม แต่เขาก็ยังคงเป็นคนมุทะลุ พร้อมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ขึ้นบินต่อไปเรื่อยๆ แถมนิสัยดื้อรั้น ชอบทำอะไรเกินตัว ยังเป็นเหตุให้เขาพร้อมจะถูกสั่งปลดได้ทุกเมื่ออีกต่างหาก  

 

ซึ่ง Tom Cruise ก็สามารถขุดค้นและนำเสนอทุกแง่มุมความรู้สึกที่ Maverick ต้องเผชิญผ่านทางสีหน้าและแววตา ให้ผู้ชมมีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้อย่างอยู่หมัด แม้ว่าจะห่างหายจากบทบาทนี้ไปนานกว่า 30 ปีก็ตาม เรียกได้ว่า Top Gun: Maverick ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานที่เป็นเครื่องยืนยันให้ผู้ชมเห็นว่า Tom Cruise ไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีดีแค่การเล่นฉากสตันท์สุดผาดโผนด้วยตัวเองเท่านั้น แต่เขายังเป็นหนึ่งในนักแสดงมากความสามารถที่ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

 

 

อีกหนึ่งจุดเด่นของภาพยนตร์ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือฉากแอ็กชันกลางเวหาสุดตื่นตาตื่นใจ ที่ตัวผู้กำกับและทีมสร้างสามารถยกระดับความระห่ำจากภาคแรกขึ้นไปอีกหลายเท่า ทั้งฉากการซ้อมรบที่แสดงให้เราเห็นถึงความเก๋าเกมของ Maverick ไปจนถึงฉากการทำภารกิจสุดหินที่ชวนให้เราลุ้นระทึกไปกับทุกตัวละคร ซึ่งในจุดนี้เราต้องขอชื่นชมทางค่ายภาพยนตร์ที่ตัดสินใจไม่ใส่ฉากแอ็กชันสำคัญๆ ลงไปในตัวอย่างมากนัก มันจึงทำให้เรารู้สึกสนุกสนานและตื่นตาตื่นใจไปกับฉากแอ็กชันที่ภาพยนตร์ประโคมเข้าใส่อย่างเต็มอิ่ม  

 

และอย่างที่ทุกคนทราบดีว่าผู้กำกับและทีมสร้างต้องการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้สมจริงมากที่สุด ไล่เรียงตั้งแต่การนำเครื่องบินรบ F-18 Super Hornet มาใช้ในการถ่ายทำจริง และให้นักแสดงขึ้นไปนั่งด้านหลังของนักบินมากประสบการณ์ พร้อมนำกล้อง IMAX ที่ผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะไปติดตั้งบนเครื่องบิน เพื่อเก็บภาพของนักแสดงและบรรยากาศโดยรอบของเครื่อง F-18 Super Hornet ขณะขึ้นบิน 

 

การลงทุนถ่ายทำจริงทุกอย่างเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลให้ฉากแอ็กชันกลางเวหาดูสมจริงสมจังอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังมอบประสบการณ์ชมภาพยนตร์ในโรงให้เราได้สัมผัสอย่างครบถ้วนทุกมิติ ทั้งการฉายภาพสุดตื่นตาตื่นใจบนจอยักษ์ และระบบเสียงที่มิกซ์มาเป็นอย่างดีเพื่อกระตุ้นความตื่นเต้น ซึ่งเราจะไม่สามารถสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ได้เลยนอกจากการชมในโรงภาพยนตร์เท่านั้น 

 

 

อย่างไรก็ตาม Top Gun: Maverick ก็ยังมีจุดด้อยบางจุดที่เราแอบรู้สึกเสียดายอยู่เช่นกัน นั่นคือพาร์ตความสัมพันธ์ระหว่าง Maverick และ Rooster ที่ตัวภาพยนตร์จะเน้นหนักไปทางฝั่งของ Maverick เป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้พาเราไปทำความรู้จักกับ Rooster อย่างลงลึกเท่าไรนัก ทั้งๆ ที่ประเด็นความขัดแย่งระหว่าง Maverick และ Rooster ที่ภาพยนตร์ปูเอาไว้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว มันจึงส่งผลให้เราไม่รู้สึกผูกพันกับตัวละคร Rooster ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญของเรื่องอย่างที่ควรจะเป็น

 

รวมถึงตัวละครอื่นๆ รอบข้างที่เราคิดว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเหล่านักบินรุ่นใหม่อย่าง Hangman, Natasha ‘Phoenix’ Trace (Monica Barbaro), Robert ‘Bob’ Floyd (Lewis Pullman) ฯลฯ ที่มีคาแร็กเตอร์ค่อนข้างโดดเด่น แต่ภาพยนตร์กลับพาเราไปรู้จักพวกเขาเพียงผิวเผินเท่านั้น ซึ่งเราคิดว่าหากภาพยนตร์สามารถสอดแทรกเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครเหล่านี้เข้ามามากกว่านี้อีกสักหน่อย พวกเขาอาจกลายเป็นตัวละครที่มาแย่งซีนตัวละครหลักอย่าง Maverick หรือ Rooster ได้เลยทีเดียว (หากใครที่ได้ชมภาพยนตร์มาแล้ว ก็คงจะได้เห็นการแย่งซีนของ Hangman ที่เท่จนเราต้องปรบมือให้เขาอย่างแน่นอน)

 

 

ในภาพรวมแล้ว Top Gun: Maverick เรียกว่าเป็นการกลับมาโบยบินอีกครั้งของ Maverick ที่สมการรอคอย ทั้งการนำเสนอที่ยังคงเสน่ห์ของ Top Gun ภาคแรกไว้อย่างครบถ้วน พร้อมทั้งขยายเรื่องราวให้มีความร่วมสมัยและลึกซึ้งกินใจมากกว่าเดิม ไปจนถึงฉากแอ็กชันกลางเวหาสุดระห่ำ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการถ่ายทำของทีมสร้างอย่างชัดเจน 

 

ท้ายที่สุด เราขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ยืนยันว่า Top Gun: Maverick คือภาพยนตร์ที่คุณต้องดูในโรงภาพยนตร์เท่านั้น เพราะผู้กำกับและทีมสร้างต่างทุ่มเทแรงกายแรงใจในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์อย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบประสบการณ์ชมภาพยนตร์สุดพิเศษแก่ผู้ชม ที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนนอกจากโรงภาพยนตร์เท่านั้นจริงๆ 

 

Top Gun: Maverick เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์  

 

 

รับชมตัวอย่างได้ที่นี่

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising