เปิด 5 เมืองยอดนิยมในยุโรปที่บุคคลที่มีทรัพย์สินสุทธิสูงทั่วโลกเตรียมย้ายถิ่นฐานไปมากที่สุดในปี 2024 ขณะที่กรุงลอนดอนกลับไม่ติดอันดับ และ ‘สหราชอาณาจักร’ อาจไม่ใช่สวรรค์ของเหล่ามหาเศรษฐีอีกต่อไปแล้ว
Knight Frank European Lifestyle Report รายงานว่า 83% ของบุคคลที่มีรายได้สุทธิสูง ซึ่งหมายถึงผู้ที่มีรายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำลังพิจารณาการย้ายถิ่นฐาน โดยปัจจัยหลักๆ นอกจากความชื่นชอบการใช้ชีวิตในเมืองเพราะได้รับโอกาสทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจแล้ว อีกกว่า 17% ระบุว่า ชอบสถานที่ในชนบทและรีสอร์ตสำหรับทิวทัศน์ธรรมชาติและการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์
โดย Knight Frank สำรวจจากบุคคลที่มีรายได้สูงจำนวน 700 ราย จาก 11 ประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ผ่าน 5 ตัวชี้วัดหลัก ได้แก่ เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐานและความคล่องตัว และทุนมนุษย์ (ความรู้ความสามารถ)
ผลสำรวจพบว่าปารีสอยู่ในอันดับต้นๆ โดยมีความโดดเด่นด้านเศรษฐกิจและทุนมนุษย์ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น มหาวิทยาลัย สำนักงานใหญ่ของบริษัท และการลงทุนด้านวัฒนธรรม
อย่างไรก็ตาม ลอนดอนที่มักถูกมองว่าเป็นจุดหมายปลายทางและเป็นศูนย์กลางสำหรับคนรวยกลับไม่ติดอันดับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘สหราชอาณาจักร’ กำลังจะเป็นประเทศที่เศรษฐกิจย่ำแย่ที่สุดในกลุ่มประเทศร่ำรวยในปีหน้า
- อังกฤษหนาวๆ ร้อนๆ ค่าไฟพ่นพิษอีกระลอก จับตา ‘3 แสนกว่ากิจการ’ เสี่ยงปิดตัว
- ‘หรู’ ไม่ใช่แค่คนรวย! คนไทย 1 ใน 3 ใช้จ่ายเกินตัวเพื่อไลฟ์สไตล์หรูหรา
โดยบริษัทที่ปรึกษาที่ติดตามแนวโน้มการย้ายถิ่นฐานระบุว่า ขณะนี้มีเศรษฐีราว 128,000 ราย กำลังวางแผนที่จะย้ายที่อยู่ทั่วโลก โดยในปี 2024 มีราวๆ 120,000 ราย นอกจากนี้ 19% ของบุคคลที่มีรายได้สุทธิสูงเป็นพิเศษ ซึ่งมีรายได้มากกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป กำลังวางแผนที่จะสมัครหนังสือเดินทางเล่มที่สองหรือได้รับสัญชาติในประเทศอื่น
ปัจจัยหลักคือความปลอดภัย การจ้างงาน ภาษี และภูมิรัฐศาสตร์ ก็มีผล
รายงานระบุอีกว่า ลำดับความสำคัญหลักที่เศรษฐีพันล้านพิจารณาย้ายถิ่นฐานคือความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว รองลงมาคือการจ้างงาน ภาษี และการศึกษา โดยหนุ่มสาว Gen Z และ Millennial มักให้ความสำคัญกับการจ้างงานเป็นอันดับแรก
ในขณะที่คนรุ่นก่อนๆ มักให้ความสำคัญกับการเก็บภาษีมากกว่า ซึ่งความปลอดภัยและการเก็บภาษีมีความสำคัญต่อ High-Net-Worth Individual (HNWI) (ผู้มีความมั่งคั่งที่มีทรัพย์สินเป็นเงินสดในธนาคาร หรือ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 32 ล้านบาท) มากกว่าความกังวลเรื่องวีซ่าเมื่อย้ายที่อยู่ บวกกับความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น และความท้าทายด้านความเป็นส่วนตัวในยุคดิจิทัล
Kate Everett-Allen หัวหน้าฝ่ายวิจัยที่อยู่อาศัยในยุโรปของ Knight Frank กล่าวในรายงานอีกว่า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงนโยบายกำลังผลักดันให้กลุ่ม HNWI ย้ายไปยังเขตพื้นที่อำนาจศาลที่อำนวยความสะดวกกว่า
โดยหากดูจากการถอนเงินอย่างรวดเร็วจำนวน 1,500 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก Credit Suisse ในปลายปี 2022 พบว่า ผู้ถือบัญชีผู้มั่งคั่งหรือบุคคลที่มีฐานะร่ำรวย เป็นผู้ที่สามารถตอบสนองต่อความเสี่ยงทางการเงินที่รับรู้ได้รวดเร็ว
5 เมืองยอดนิยมในยุโรป
สำหรับ 5 เมืองยอดนิยมที่บุคคลที่มีทรัพย์สินสุทธิสูงกำลังพิจารณาย้ายถิ่นฐานมากที่สุดในปี 2024 มีดังนี้
- ปารีส
- เบอร์ลิน
- บาร์เซโลนา
- เวียนนา
- มาดริด
ทำไมลอนดอนหลุดอันดับ และสหราชอาณาจักรไม่ใช่สวรรค์ของเศรษฐีอีกต่อไป
นอกจาก ‘ลอนดอน’ จะไม่ได้อยู่ในรายชื่อ 5 เมืองที่จัดอันดับในครั้งนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ Henley & Partners ระบุว่า สหราชอาณาจักรไม่ใช่สวรรค์ของเศรษฐีอีกต่อไป โดยคาดว่าสหราชอาณาจักรจะสูญเสียบุคคลที่มีทรัพย์สินสุทธิสูงอย่างน้อย 9,500 ราย ในปี 2024 เพิ่มขึ้นจาก 4,200 ราย ในปีก่อนหน้า
โดยตั้งข้อสังเกตว่าหากย้อนไปในช่วงปี 1950 และต้นทศวรรษปี 2000 ครอบครัวที่ร่ำรวยจำนวนมากจากยุโรป แอฟริกา เอเชีย และตะวันออกกลาง ต่างหลั่งไหลมายังสหราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิด Brexit ระหว่างปี 2017-2023 สหราชอาณาจักรได้สูญเสียเศรษฐีไป 16,500 ราย และอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนรวยออกจากสหราชอาณาจักรคือการยกเลิกระบบสิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับชาวต่างชาติที่ร่ำรวย หรือ ‘ผู้อยู่อาศัยที่ไม่มีภูมิลำเนา’ (Non-Domiciled Residents: Non-Dom) หมายความว่าที่ผ่านมาพลเมืองต่างชาติจะไม่ถูกเก็บภาษีจากรายได้ต่างประเทศ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่มหาเศรษฐี
UBS Global Wealth Report เสริมว่า นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว เหตุผลที่เลือก 5 เมืองดังกล่าวยังมีปัจจัยที่นำมาพิจารณา ได้แก่ ค่าเรียนที่เพิ่มขึ้นของโรงเรียนเอกชนและการเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ในอัตราที่สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้เหล่ามหาเศรษฐีของสหราชอาณาจักรลดลง 17% โดยในปี 2023 จาก 3,061,553 คน คาดว่าจะลดลงอีก 2,542,464 คน ในปี 2028
อ้างอิง: