×

เต้ย จรินทร์พร ในวัย 28 การค้นพบชาเลนจ์ครั้งสุดท้าย คือหาวิธีที่จะใช้ชีวิตกับสิ่งที่มี ให้มีความสุขในทุกๆ วัน

04.12.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • เต้ย จรินทร์พร กำลังมีผลงานล่าลุด หนังโรแมนติกคอเมดี้ส่งท้ายปลายปี Gravity of Love รักแท้…แพ้แรงดึงดูด หนังว่าด้วยเรื่องราววุ่นๆ ของผู้หญิงที่ไม่เชื่อในความรักและพรหมลิขิต แต่โชคชะตากลับดึงดูดให้เธอต้องหมุนวนกลับมาเจอกับผู้ชายคนหนึ่งร่ำไป
  • ขณะเดียวกันชีวิตจริงในขวบปีที่ 28 ของเต้ยก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเรื่องราวว้าวุ่น โดยเฉพาะเรื่อง ‘ความรัก’ ที่จะเรียกว่าพรหมลิขิต หรืออะไรก็ตามเถอะที่ดึงดูดผู้ชายชื่อ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ เข้ามาในชีวิต ซึ่งนั่นทำให้เธอต้องเจอกับกระแสและคำวิจารณ์ที่เรียกได้ว่าแรงที่สุดในชีวิต  
  • เต้ยบอกว่าในขวบปีที่เติบโตและผ่านความสำเร็จมาแล้วในระดับหนึ่ง เต้ยได้ค้นพบว่า ชาเลนจ์ครั้งสุดท้ายในชีวิต นั่นคือการกลับคืนสู่ความเรียบง่าย และกำลังหาวิธีที่จะใช้ชีวิตกับสิ่งที่มีอย่างไรให้มีความสุข

‘ทัศนคติที่ดี’ คือสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งนั้นเปล่งประกายเสน่ห์เพิ่มขึ้นเสมอ และนั่นทำให้การพูดคุยกับ เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ ในทุกๆ ครั้ง นับตั้งแต่ได้รู้จักเธอผ่านผลงาน หนีตามกาลิเลโอ (2552) จนกระทั่งถึงภาพยนตร์เรื่องล่าสุด Gravity of Love รักแท้…แพ้แรงดึงดูด ซึ่งตรงกับขวบปีที่ 28 ขวบปีที่ชีวิตช่างเต็มไปด้วยเรื่องสุขๆ และเจ็บแสบหัวใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตลูกผู้หญิง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงพกพา ‘ทัศนคติที่สว่าง’ ติดตัวมาด้วย

 

ขณะเดียวกันเต้ยยังบอกอีกว่ามันเป็นขวบปีที่เติบโต ขวบปีที่เธอได้ก้าวผ่านบันไดของความสำเร็จขั้นแล้วขั้นเล่า เพื่อที่จะได้ค้นพบว่าชาเลนจ์ครั้งสุดท้ายในชีวิต คือการกลับคืนสู่ความเรียบง่าย และกำลังค้นหาวิธีที่จะใช้ชีวิตกับสิ่งที่มีให้มีความสุขในทุกๆ วัน

 

เต้ยอยากเลือกทำงานอะไรที่จะเสริมแพสชันให้กับตัวเอง งานที่ทำแล้วสนุก ซึ่งงานเหล่านี้เต้ยไม่ได้สนใจตัวเงิน แต่อยากทำ ยกตัวอย่างงานแสดง เต้ยก็อยากจะได้บทที่แตกต่างไปจากเดิม บทที่เต้ยจะได้ชาเลนจ์ตัวเองต่อไปเรื่อยๆ   

ตอนนี้ เต้ย จรินทร์พร อายุ 28 แล้ว ถือว่าเป็นขวบปีที่มีเรื่องราวใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก สุขบ้าง ทุกข์บ้าง น่าสนใจนะว่าตัวเลข ‘หลักสาม’ ในอีกสองปีข้างหน้าจะมีผลอะไรกับคุณในแง่ไหนบ้าง    

เต้ยไม่ค่อยรู้สึกอะไรนะคะ เมื่อวานนี้เต้ยเพิ่งเจอพี่คริส หอวัง พี่คริสบอกว่า Thirty is the New Twenty. ซึ่งสำหรับเต้ย เต้ยรู้สึกว่าการที่ใกล้จะ 30 มันเป็นอะไรที่เต้ยชอบ หมายถึงในแง่ของการใช้ชีวิตที่เราอยากใช้อย่างเป็นอิสระมากๆ เราโตพอที่จะใช้เงินไปเที่ยวของเราเอง เราสร้างบ้าน เราซื้อรถ ดูแลครอบครัว ฯลฯ แต่ขณะเดียวกันเต้ยก็มีความแพนิก เพราะรู้สึกว่าเราต้องโตแล้ว เราต้องมีความมั่นคงในชีวิต

 

ไม่รู้คนอื่นเป็นไหม แต่ว่าเต้ยเป็น อาจจะเพราะว่าเต้ยเป็นคนชอบคิดอะไรไปไกลๆ ด้วยมั้ง คิดว่าเราจะต้องดูแลคนที่บ้าน พ่อแม่กับน้อง ทั้งที่จริงๆ แล้วพวกเขาก็ไม่ได้ต้องการว่าเราต้องดูแลเขาอะไรขนาดนั้น เพราะว่าเขาก็ดูแลตัวเองกันได้ แต่เหมือนมันเป็นเรื่องในอุดมคติ เป็นมายด์เซตของเต้ยเองว่าอยากให้พวกเขาอยู่สบาย อยากให้ทุกคนแฮปปี้

 

ตอนนี้มีแผนการอะไรในชีวิตเตรียมไว้ในใจบ้าง

เชื่อไหมว่าเต้ยเพิ่งไปนั่งเขียนมาเองว่าชีวิตที่ผ่านมาเต้ยผ่านอะไรมาบ้าง เพราะว่าเต้ยอยากรู้ว่าเต้ยต้องการอะไร ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบเลย (หัวเราะ) เพราะว่าถ้าพูดคำว่า ‘มั่นคง’ เต้ยก็ยังไม่รู้ว่า แล้วต้องเท่าไรถึงจะเรียกว่ามั่นคง ฉะนั้นถ้าไม่นั่งเขียน มันจะทำให้เต้ยซัฟเฟอร์ไปเรื่อยๆ

 

แล้วทำไมต้องยึดติดอยู่กับคำว่ามั่นคง

เออ นั่นสิ (หัวเราะ) แล้วทำไมต้องไปอะไรกับคำว่ามั่นคงขนาดนั้นด้วย บางทีความสุขรายวันมันอาจจะเป็นสิ่งที่มั่นคงกว่าก็ได้

 

เมื่อมองตัวเองย้อนกลับไป เหมือนเราเคยใช้ชีวิตมาแบบเรียบง่าย คิดแบบเรียบง่าย แฮปปี้กับอะไรง่ายๆ จนมาถึงวันที่เราเริ่มจริงจังกับชีวิตมากขึ้น เครียดมากขึ้น แล้วก็ได้ค้นพบว่าชาเลนจ์สุดท้ายของเราคือการกลับไปสู่ความเรียบง่ายให้เหมือนเดิม

บางทีการมองหาความสุขจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในทุกวัน อาจจะทำให้คนเรามีความสุขขึ้น  

สุดท้ายสิ่งที่ยากมันคือตัวเต้ยเองทั้งหมดนี่แหละ เต้ยทำให้มันยากเอง คิดให้มันเครียดเอง เต้ยเร่งตัวเอง ใจร้อนไปเอง เพราะฉะนั้นวิธีการแก้ไขก็คือต้องเรียนรู้ตัวเอง เรียนรู้ที่จะ ‘ช่างมัน’ อย่างที่อาเล็ก (ธีรเดช เมธาวรายุทธ) บอกว่าอยากให้เต้ยคิดถึงความมั่นคงให้น้อยลง แล้วอยากให้เต้ยมีความสุขง่ายๆ กับวันแต่ละวัน ซึ่งมันเป็นเรื่องจริง ซึ่งเต้ยก็คิดอย่างนี้มาตลอด

 

ก่อนหน้านี้เต้ยเป็นคนวางความสำเร็จของตัวเองไว้ในระยะสั้นๆ แล้วก็เป็นคนที่ซัคเซสบ่อยมาก เช่น เต้ยตั้งใจว่าจะซื้อรถให้พ่อ ให้น้อง ให้ตัวเอง หรือทำหน้าที่เป็นนักแสดงให้ดีที่สุด แต่เรื่องระยะสั้นเหล่านั้นเหมือนว่ามันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

 

แต่เต้ยเชื่อว่าการชาเลนจ์ครั้งสุดท้ายคือจะทำอย่างไรให้ตัวเองมีความสุขที่สุด ซึ่งตอนนี้เต้ยยังหาคำตอบไม่ได้ว่าแล้วอะไรคือคำว่า ‘มั่นคง’ อะไรคือจุดมุ่งหมายของเต้ย เพราะถ้าเต้ยหาเรื่องพวกนี้ไม่เจอ เต้ยก็จะไม่สามารถชาเลนจ์สิ่งที่ใหญ่ที่สุดได้ว่า แล้วเราจะใช้ชีวิตกับสิ่งที่มีอย่างไรให้มีความสุข หรือให้เราไม่เหลิงไปกับความสำเร็จเหล่านี้ กับความอู้ฟู่เหล่านี้

 

เมื่อมองตัวเองย้อนกลับไป เหมือนเราเคยใช้ชีวิตมาแบบเรียบง่าย คิดแบบเรียบง่าย แฮปปี้กับอะไรง่ายๆ จนมาถึงวันที่เราเริ่มจริงจังกับชีวิตมากขึ้น เครียดมากขึ้น แล้วก็ได้ค้นพบว่า ชาเลนจ์สุดท้ายของเราคือการกลับไปสู่ความเรียบง่ายให้เหมือนเดิม      

 

เต้ยว่าคนเราก็ต้องโตขึ้นเรื่อยๆ เจออะไรในชีวิตเรื่อยๆ ในทุกวัน ยกตัวอย่างตอนอายุ 25 เต้ยก็เจอกับเรื่องโน้นเรื่องนี้เข้ามามากมายในชีวิต แล้วพอมาถึงช่วงก่อนหน้านี้ มันก็เกิดมีเรื่องที่เราโดนชาวเน็ตวิจารณ์…

 

เต้ยรู้สึกว่าเวลาที่เต้ยคบกับใคร เต้ยจริงใจกับทุกคน เต้ยไม่เคยทำร้ายใคร และพยายามพากันไปในทางที่ดีตลอด แล้วทำไมเขาถึงดูถูกความจริงใจของเต้ยได้ขนาดนี้

ครั้งล่าสุดนี่คิดว่าแรงสำหรับชีวิตไหม

แรงมากๆ

 

ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เต้ย จรินทร์พร ยังไม่เคยเจอกระแสอะไรแรงในระดับนี้

ไม่เคยค่ะ ยังไม่เคยเจออะไรแรงในระดับแบบนี้

 

แล้วคุณผ่านจุดนั้นมาได้ยังไง

สำหรับเต้ย เต้ยว่าเต้ยยังไม่ผ่านตรงนั้นด้วยซ้ำ  

 

แสดงว่าเรื่องคราวนี้กระทบกับเรามากเหมือนกัน

กระทบๆ คือเต้ยเป็นคนแคร์คนอื่นด้วยไงคะ แล้วเต้ยก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยทำอะไรกับใครที่ไม่ดีเลย อย่างตอนนั้นที่มีคนมาคอมเมนต์ไม่ดี บอกว่า ‘กินรอบวง’ หรือประเด็นว่าคบเพื่อนของแฟนเก่า ก็แรงสำหรับเต้ยมาก ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาไม่ได้สนิทกันอย่างที่ทุกคนเข้าใจ เขาไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันทุกวัน เขาแทบจะไม่เคยคุยกัน ไม่เคยมีกิจกรรมร่วมกัน เป็นเพื่อนร่วมงานที่เจอกันเวลาทำงานเท่านั้น แต่คือคนตีความว่าเขาสนิทกันมาก

 

เต้ยรู้สึกว่าเพื่อนในชีวิตเรามันมีหลากหลายแบบ อย่างเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เพื่อนมหาวิทยาลัย เพื่อนที่ทำงาน ฯลฯ แล้วถ้าเปลี่ยนที่ทำงานไป 3 ที่ ก็จะมีเพื่อนที่ทำงาน 3 ที่ แต่ความจริงคือเราไม่ได้สนิทกับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แล้วที่เจ็บ เพราะเต้ยรู้สึกว่าเวลาที่เต้ยคบกับใคร เต้ยจริงใจกับทุกคน เต้ยไม่เคยทำร้ายใคร และพยายามพากันไปในทางที่ดีตลอด แล้วทำไมเขาถึงดูถูกความจริงใจของเต้ยได้ขนาดนี้

 

เวลาเต้ยคบกับใคร เต้ยไม่ได้คบเล่นๆ เต้ยไม่ได้คบแบบฉาบฉวย อย่างเรนเดลล์ เต้ยคุยมา 4-5 ปี แล้วก็คุยกันแบบตั้งใจ, อย่างคุณอาเล็กอีกคนหนึ่งเนี่ย เราก็คุยและเรียนรู้จากกัน พากันไปในทางที่ดี

คุณได้บทเรียนอะไรกลับมาจากเรื่องคราวนี้บ้าง

สาเหตุที่ข่าวนี้กลายเป็นเรื่อง เพราะมันมีรูปที่อเล็กซ์ เรนเดลล์, อาเล็ก ธีรเดช แล้วก็มีพี่เป๊ก-เปรมณัช สุวรรณานนท์ เข้ามาอยู่ในรูปเดียวกันอีก อะไรจะซวยได้ขนาดนี้ เพราะในชีวิตทั้งสามคนนี้คงจะเจอกันในเฟรมเดียวกันแค่วันนั้นแหละ (หัวเราะ) แล้วทำไมเขาถึงตัดสินเต้ยแบบนั้น เพราะเวลาเต้ยคบกับใคร เต้ยไม่ได้คบเล่นๆ เต้ยไม่ได้คบแบบฉาบฉวย อย่างเรนเดลล์ เต้ยคุยมา 4-5 ปี แล้วก็คุยกันแบบตั้งใจ

 

อย่างคุณอาเล็กอีกคนหนึ่งเนี่ย เราก็คุยและเรียนรู้จากกัน พากันไปในทางที่ดี แล้วตอนที่ข่าวออกมาครั้งแรก เราได้คุยกันมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง คือกำลังทำความรู้จัก กำลังเรียนรู้ ซึ่งเต้ยเองก็ยังไม่มั่นใจ เพราะว่าการที่เราจะมั่นใจกับใครสักคนหนึ่งมันต้องใช้เวลา แล้วกับคุณเรนเดลล์เอง เต้ยก็บอกเขาเป็นคนแรกๆ เลยด้วยซ้ำ คือมันอาจจะแรงที่ชื่อของสองคนนี้มันใกล้กันมาก หรือเป็นชื่อที่เต้ยเข้าใจว่ามันสามารถจะเป็นประเด็นทางสังคมได้

 

อาเล็ก ธีรเดช นี่ถือว่าเป็นคนใหม่ๆ แรงดึงดูดใหม่ๆ ที่เข้ามาในชีวิตคุณด้วยหรือเปล่า   

ใช่ค่ะ เขาเป็นคนใหม่ แล้วพอเข้ามาก็กระชากชีวิตอย่างแรงเลย (หัวเราะ) แล้วแรงดึงดูดนี้ก็เป็นแรงดึงดูดที่แปลกใหม่ในชีวิต

 

ว่าแต่ว่าเข้ามาในชีวิตได้ยังไง

…เขาก็เดินเข้ามาของเขาแบบงงๆ คือก่อนหน้านี้เราเคยเจอกันบ้างอยู่แล้ว คือตอนแรกก็มองว่า เฮ้ยดี ได้เพื่อนผู้ชายเพิ่มอีกคน แต่วันหนึ่งอยู่ดีๆ เขาก็เปลี่ยนไป (หัวเราะ) ไลน์มาถาม “ทำไรอยู่” “กินข้าวหรือยัง” “อาบน้ำหรือยัง”

 

เต้ยก็งงทำไมมันต้องมารู้อะไรเรื่องพวกนี้ เลยบอกไปว่า เฮ้ยแก อย่าแปลกๆ ใส่สิวะ ไม่เอาดิ เพราะว่าก็เพิ่งคิดเองว่าได้เพื่อนผู้ชายเพิ่มมาอีกคน แต่เขาก็บอกกลับมาว่า “ไม่ทันแล้ว” และตอนนั้นเต้ยโสด ก็ไม่ได้ปิดโอกาสให้ตัวเอง เออ ก็ลองดู   

 

เต้ยรู้สึกว่าเราสองคนต่างกันค่อนข้างเยอะ เต้ยเป็นคนคิดเยอะ ชอบพัฒนาตัวเอง แต่คุณอาเล็กเป็นคนมีความสุขแบบรายวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เต้ยรู้สึกว่าเราสุดโต่งกันไปคนละทาง การจะมาเจอกันตรงกลางได้ยังไงก็เลยต้องใช้เวลา

ทำไมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ชายชื่ออาเล็ก ธีรเดช คุณมองเห็นอะไรพิเศษในตัวเขา  

เต้ยรู้สึกว่าเป็นรีเลชันชิปที่แปลกค่ะ เขามีอะไรในตัวเองที่คนอื่นไม่เห็นหลายอย่าง คือเขามีความอบอุ่นในตัวเขาเอง เขาทำอาหาร เป็นผู้ชายกุ๊กกิ๊ก ขี้อ้อน ต้องพูดด้วยเพราะๆ (หัวเราะ) แต่ก็ยังต้องเรียนรู้กันต่อไปเรื่อยๆ เพราะมันเพิ่งจะปีครึ่ง ยังรู้สึกว่าไม่นาน ยังรู้สึกว่าไม่มากพอสำหรับเต้ยที่จะเรียนรู้จากใครสักคนหนึ่ง

 

สำหรับเต้ย เต้ยรู้สึกว่าเราสองคนต่างกันค่อนข้างเยอะ เต้ยเป็นคนคิดเยอะ ชอบพัฒนาตัวเอง แต่คุณอาเล็กเป็นคนมีความสุขแบบรายวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เต้ยรู้สึกว่าเราสุดโต่งกันไปคนละทาง การจะมาเจอกันตรงกลางได้ยังไงก็เลยต้องใช้เวลา

 

คิดว่าอะไรคือหมัดน็อกของเขาที่ทำให้ผู้หญิงค่อนข้างคัดสรรอย่างเราต้องยอมให้

ยอมใจในความพยายาม (คิด) เราเห็นความน่ารักของเขาด้วย อย่างตอนที่มันเกิดเรื่องนั้นขึ้นมา เขาโดนด่าเยอะมากนะ จริงๆ น่าจะโดนมากกว่าเต้ยอีก แต่เขาไม่สนใจเลยว่าตัวเองจะโดนอะไรบ้าง แต่ค่อนข้างจะแคร์ความรู้สึกของเรา

 

ขอฟังข้อดีสัก 5 ข้อ ของผู้ชายชื่ออาเล็ก ธีรเดช ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้หน่อยครับ

5 ข้อเหรอ เป็นแฮปปี้แมน ทำอาหารเก่ง เป็นคนมีความพยายามในรีเลชันชิป เป็นคนมองโลกในแง่ดี สบายกับทุกอย่าง หมายถึงความไม่เครียด แล้วอีกอย่างที่เต้ยชอบในตัวเขาคือเขาไม่เคยว่าร้ายใคร ไม่เคยพูดถึงใครในแง่ร้ายเลย

 

เต้ยจริงจังกับความรักทุกครั้ง แต่ไม่ได้จริงจังไปในแง่ว่า เฮ้ย เราจะ end up ยังไง เต้ยไม่ได้คิดแบบนั้น เต้ยคิดแค่ว่าคบกันแล้วพากันไปในทางที่ดี แล้วปล่อยไปตามครรลองของมัน เพราะเราใช้ความจริงใจเป็นหลักในการที่จะคบหากับใคร

เต้ย จรินทร์พร จริงจังกับความรักทุกครั้ง?

เต้ยจริงจังกับความรักทุกครั้ง แต่ไม่ได้จริงจังไปในแง่ว่า เฮ้ย เราจะ end up ยังไง เต้ยไม่ได้คิดแบบนั้น เต้ยคิดแค่ว่าคบกันแล้วพากันไปในทางที่ดี แล้วปล่อยไปตามครรลองของมัน เพราะเราใช้ความจริงใจเป็นหลักในการที่จะคบหากับใคร

 

สมมติถ้าคุณเป็นดวงอาทิตย์ ศูนย์กลางของจักรวาล ตอนนี้ผู้ชายชื่ออาเล็ก ธีรเดช คือดาวดวงไหนในระบบสุริยะจักรวาล

สมมติเต้ยเป็นพระอาทิตย์เหรอ… พุธใกล้ที่สุดใช่ไหมคะ เขาก็ต้องเป็นดาวพุธอยู่แล้วค่ะ เพราะถือเป็นคนที่รู้ความเป็นไปในชีวิตตลอดเวลา ถึงแม้เต้ยจะลืมบอกเขาบ้างในบางครั้ง (หัวเราะ)

 

แรงดึงดูดด้านการงานล่ะ หลังจากผ่านงานในวงการมาพอสมควร ตอนนี้คุณกำลังมองหาความท้าทายแบบไหนอยู่

เรื่องการทำงาน ตอนนี้แรงดึงดูดสำหรับเต้ยมีอยู่สองอย่างคือ การทำงานแบบที่เป็นงาน กับการทำงานเพื่อแพสชันของตัวเอง เต้ยไม่อยากให้แพสชันตรงนี้หายไป ฉะนั้นเต้ยเลยอยากเลือกทำงานอะไรที่จะเสริมแพสชันให้กับตัวเอง งานที่ทำแล้วสนุก ซึ่งงานเหล่านี้เต้ยไม่ได้สนใจตัวเงิน แต่อยากทำ ยกตัวอย่างงานแสดง เต้ยก็อาจจะได้บทที่แตกต่างไปจากเดิม บทที่เต้ยจะได้ชาเลนจ์ตัวเองต่อไปเรื่อยๆ  

 

 

ที่ผ่านมาบทบาทไหนบ้างที่เต้ยมองว่าชาเลนจ์ตัวเอง

ถ้าทั้งชีวิตของเต้ยเลย Die Tomorrow (2560) ที่เป็นทั้งงานที่ชาเลนจ์ และรองรับแพสชันของเต้ย ส่วนงานที่ท้าทายคือ เคาท์ดาวน์ (2555) และบท ‘คุณเปี๊ยก’ ในละคร คลื่นชีวิต (2560)

 

สำหรับวงการหนัง จะมีคนที่เต้ยรู้สึกขอบคุณมากๆ เลยที่เขาเห็นคุณค่าและศักยภาพที่เต้ยมี คือพี่ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ และพี่เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ที่เต้ยสนิท ซึ่งเขาก็มักจะอยากให้มีงานท้าทายเข้ามาหาเต้ยอีกเรื่อยๆ

 

ส่วนงานละคร ตอนนี้เต้ยก็อยากที่จะท้าทายตัวเองในบทใหม่ๆ เต้ยอยากโตแล้ว ไม่อยากเด็กแล้ว เต้ยเข้าใจว่าภาพของเต้ยมันก็ต้องสดใส แต่ในขณะเดียวกัน เต้ยไม่อยากหมดแพสชันไปกับอะไรแบบนี้ เต้ยอยากจะทำอะไรใหม่ๆ บ้าง ซึ่งในละครเรื่องต่อไปคือ ‘ทุ่งเสน่หา’ ก็เรียกได้ว่าเป็นงานที่ท้าทายเต้ยมากๆ ด้วยหมือนกัน

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

FYI

Gravity of Love รักแท้…แพ้แรงดึงดูด เข้าฉายแล้วในโรงภาพยนตร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising