×

TLI – บริษัทประกันชีวิตชั้นนำกับอนาคตที่แข็งแรงและมั่งคั่งยิ่งขึ้น

29.08.2022
  • LOADING...
ไทยประกันชีวิต

เกิดอะไรขึ้น:

บมจ. ไทยประกันชีวิต (TLI) บริษัทประกันชีวิตชั้นนำของประเทศไทย ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 2 ที่ประมาณ 15% เมื่อพิจารณาจากเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งหมดในปี 2562-2564 นอกจากนี้ TLI ยังมีช่องทางตัวแทนประกันที่มีประสิทธิภาพ ดังเห็นได้จากการมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในช่องทางตัวแทนประกัน โดยตัวแทนประกันของบริษัทคิดเป็นจำนวนมากกว่า 25% ของจำนวนตัวแทนประกันทั้งหมดในประเทศไทย 

 

SCBS คาดว่าเบี้ยประกันภัยรับใหม่จะฟื้นตัวกลับมาเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปีในปี 2565-2567 (เทียบกับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 32%YoY ใน 1H65) โดยได้รับการสนับสนุนจาก

 

  1. การกลับมาดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจหลังจากมีการยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับการควบคุมการระบาดของโควิด
  2. การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ 
  3. ความต้องการทำประกันสุขภาพที่เพิ่มขึ้นหลังจากเกิดการระบาดของโควิด
  4. ความต้องการทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อที่ฟื้นตัวดีขึ้น เพราะธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น
  5. การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย 

 

และคาดว่าเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งหมดของ TLI จะเติบโต 1% ในปี 2565 (เทียบกับ 1.5%YoY ใน 1H65) 3% ในปี 2566 และ 4% ในปี 2567

 

ส่วนการเน้นขายผลิตภัณฑ์ที่ให้อัตรากำไรสูง (เช่น ประกันสุขภาพ) เพิ่มมากขึ้น ช่วยหนุนให้อัตรากำไรของธุรกิจใหม่ (VNB Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจากการคำนวณ VNB Margin ของ TLI เพิ่มขึ้นจาก 51% ในปี 2564 สู่ 54% ใน 1H65 

 

โดย SCBS คาดว่า VNB Margin จะเพิ่มขึ้นสู่ 52% ในปี 2565-2567 และคาดว่าความสามารถในการทำกำไรจากการรับประกันจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในปี 2566-2567 หลังจาก VNB Margin เพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2564-2565 และการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิดลดลง

 

ขณะที่มอง ROI (อัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน) จะยั่งยืน เพราะอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนทำจุดต่ำสุดไปแล้ว โดย TLI จะได้รับประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนจากการนำเงินไปลงทุนต่อ ในขณะนี้ใกล้เคียงกับอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนในพันธบัตรที่กำลังจะครบกำหนดไถ่ถอน 

 

ซึ่ง SCBS คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนจะอยู่ในระดับทรงตัวที่ 3.5% ในปี 2565 จากนั้นจะเพิ่มขึ้นสู่ 3.55% ในปี 2566 และ 3.6% ในปี 2567 และคาดว่า ROI จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัวในปี 2565-2567 โดยใช้สมมติฐานกำไรจากเงินลงทุนในระดับทรงตัวที่ 2.7 พันล้านบาท

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น TLI ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.95%MoM สู่ระดับ 15.80 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.03%MoM สู่ระดับ 1,624.18 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:

SCBS คาดว่ากำไร 2H65 จะเพิ่มขึ้นมากถึง 74%YoY จากเบี้ยประกันภัยรับและรายได้จากการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่จะลดลง 26%HoH เนื่องจากกำไรจากเงินลงทุนลดลง และคาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 20% ในปี 2565 (ไม่มีการรับรู้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเหมือนในปีก่อนและรายได้จากการลงทุนเพิ่มขึ้น) 10% ในปี 2566 และ 9% ในปี 2567 

 

อย่างไรก็ดี SCBS ให้เรตติ้ง Outperform ด้วยราคาเป้าหมาย 19 บาทต่อหุ้น (EV บวกมูลค่าที่ประเมินได้ของ VNB) เนื่องจาก 

 

  1. เบี้ยประกันภัยรับใหม่จะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 
  2. VNB Margin จะปรับตัวดีขึ้น
  3. ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นต่อ ROI และการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่

 

สำหรับปัจจัยความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ

 

  1. ภาวะเงินเฟ้อสร้างแรงกดดันต่อกำลังซื้อของลูกค้า 
  2. ความผันผวนของตลาดทุน 
  3. การเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 
  4. การนำมาตรฐานการบัญชีใหม่มาใช้

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising