เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา Tinder แพลตฟอร์มหาเพื่อนและผู้คนใหม่ๆ ได้ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์วิดีโอแชต ‘Face to Face’ ให้ทดลองใช้งานในบางประเทศ (หนึ่งในนั้นคือประเทศไทย) เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานที่จับคู่แมตช์กัน สามารถติดต่อสื่อสารกันผ่านวิดีโอได้เพื่อเพิ่มความสะดวกในช่วงที่หลายประเทศยังล็อกดาวน์ และเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ THE STANDARD มีโอกาสได้สัมภาษณ์ รอรี โคซอลล์ หัวหน้าฝ่าย Trust and Safety Product ของ Tinder ผ่านในรูปแบบ Video Conference ร่วมกับสื่อเจ้าอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย เพื่อสอบถามถึงประเด็นความปลอดภัยและความมั่นใจของผู้ใช้งานในการใช้ฟีเจอร์ดังกล่าว
รอรีได้ให้ข้อมูลว่า สิ่งที่ Tinder ยึดถือมาโดยตลอดในการพัฒนาแพลตฟอร์มและเปรียบเสมือน ‘รากฐาน’ สำคัญในการให้บริการผู้ใช้งานคือ ‘ประเด็นความปลอดภัย’ ความเป็นส่วนตัวและการได้รับความเชื่อใจจากสมาชิกของพวกเขา เนื่องจากสิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ‘ควรจะต้องทำให้เป็นปกติวิสัย’ เป็นเรื่องที่สำคัญกับผู้ใช้มากๆ และยังมีผลกระทบต่อเนื่องกับการทำธุรกิจของบริษัทในอนาคตอีกด้วย
ซึ่งการใช้งานฟีเจอร์วิดีโอแชต ‘Face to Face’ ก็จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานเช่นเดียวกัน เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อผู้ใช้งานที่แมตช์หรือจับคู่กันแล้ว ต้องการจะวิดีโอแชตหากัน ทั้งสองฝ่ายจะต้องยินยอมพร้อมใจและตกลงที่จะเข้าร่วมวิดีโอแชตเหมือนกัน
หลังจากนั้นก็ยังมีข้อตกลงในการเข้าใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวที่ระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ใช้งานจะต้องไม่แสดงพฤติกรรมที่ส่อไปทางลามก อนาจาร ใช้ถ้อยคำที่แสดงออกซึ่งความเกลียดชัง ความรุนแรง นอกจากนี้หลังใช้งานเสร็จแล้วก็ยังสามารถส่งฟีดแบ็กความเห็นหรือมุมมองจากการใช้งาน Face to Face กลับไปยังระบบได้ด้วย
หรือในกรณีที่ผู้ใช้งานอีกฝ่ายมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก็สามารถจบการสนทนาและรายงานให้ระบบของ Tinder รับทราบได้ทันที
หัวหน้าฝ่าย Trust and Safety Product ของ Tinder ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเราว่า แนวคิดและปรัชญาของ Tinder คือการทำตัวเองเป็นเหมือนโฮสต์จัดงานปาร์ตี้ที่ต้องต้อนรับแขกผู้ร่วมงาน (สมาชิกผู้ใช้ Tinder) ให้รู้สึกสนุก ปลอดภัยและสะดวกใจไปกับการพบเจอผู้คนใหม่ๆ ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสำคัญกับประเด็นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากๆ
ดังนั้นโมเดลสำหรับการทำฟีเจอร์ Face to Face คือการที่ Tinder ต้องการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานในช่วง New Normal ให้ได้มากที่สุด ช่วยให้ผู้ใช้แต่ละคนได้สัมภาษณ์ประสบการณ์การพบเจอผู้คนใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิม โดยไม่มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน ทำโฆษณา หรือมองมันเป็นช่องทางในการ ‘Monetize’ หารายได้ในอนาคตเด็ดขาด
ส่วนในสเตปถัดไปหลังจากนี้ รอรีย้ำว่าหลังจากได้ทดลองให้ผู้ใช้งานใน 13 ประเทศได้เริ่มใช้ Face to Face แล้ว Tinder จะดำเนินการนำเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานไปปรับปรุงฟีเจอร์ดังกล่าวให้ดีขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะพัฒนาเป็นฟีเจอร์ใหม่ๆ ในอนาคตข้างหน้า
นอกจากนี้รอรียังแนะนำทริกเด็ดที่จะช่วยให้โปรไฟล์ของผู้ใช้งาน Tinder มีโอกาสได้ไลก์จากผู้ใช้งานคนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น โดยสามารถทำได้ด้วยการยืนยันตัวตนผ่านรูปภาพ ‘Photo Verification’ ซึ่งจะให้ผู้ใช้งานเปิดกล้องหน้าแล้วทำการตรวจสอบความถูกต้องกับรูปโปรไฟล์ เมื่อผู้ใช้งานผ่านการตรวจสอบและยืนยันตัวตนแล้วก็จะได้รับเครื่องหมาย ‘ลูกศรสีฟ้า’ ที่หน้าโปรไฟล์ เพื่อการันตีความน่าเชื่อถือนั่นเอง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
