The King คือภาพยนตร์ดราม่าที่สร้างจากบทละครสุดคลาสสิก Henry The IV และ Henry V ของเชกเสปียร์ โดยได้ David Michôd (The Rover, War Machine) มานั่งแท่นผู้กำกับ พร้อมทีมนักแสดงที่มาแรงในยุคนี้ ทั้ง ทิโมธี ชาลาเมต์ (Timothée Chalamet) นักแสดงหนุ่มที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์ปีล่าสุดจากภาพยนตร์ Call Me by Your Name, ลิลลี โรส เดปป์ (Lily-Rose Depp) ลูกสาวของนักแสดงในตำนานอย่าง จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) และ วาเนสซา พาราดิส์ (Vanessa Paradis) รวมทั้งดาราขวัญใจใครหลายคน โรเบิร์ต แพตทินสัน (Robert Pattinson) จาก Twilight
The King สร้างจากบทละครเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของกษัตริย์อังกฤษ ซึ่งถูกดัดแปลงโดยเชกเสปียร์ ทิโมธี ชาลาเมต์จะรับบทเป็นพระเจ้าเฮนรีที่ 5 ที่ขึ้นรับตำแหน่งในเวลาที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ทำให้ต้องฝ่าฟันและพยายามหาความหมายของการขึ้นเป็นกษัตริย์ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก Falstaff ที่รับบทโดย โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน (Bright, Red Sparrow) ในขณะที่ โรเบิร์ต แพตทินสัน รับบทเป็น The Dauphin หรือเจ้าชายแห่งฝรั่งเศส เบน เมนเดลชอห์น (Rogue One: A Star Wars Story) รับบทเป็นพระเจ้าเฮนรีที่ 4 (King Henry IV) และ ลิลลี โรส เดปป์ วัย 19 ปี จะรับบทเป็น Catherine เจ้าหญิงแห่งฝรั่งเศส ซึ่งจะต้องแต่งงานกับพระเจ้าเฮนรีที่ 5 โดยเรื่องราวจะเล่าตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังการขัดแย้งทางทหารระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสในปี 1415
บริษัท Plan B Entertainment ของ แบรด พิตต์ จะเข้ามาอำนวยการผลิตร่วมกับลิซ วัตต์ส, เอ็ดเกอร์ตัน และ Michod ซึ่ง The King ได้เริ่มถ่ายทำภาพยนตร์ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ในประเทศอังกฤษ และคาดว่าจะเข้าฉายทาง Netflix ปี 2019
ก่อนหน้านี้ ลิลลี โรส เดปป์ เคยมีผลงานแสดงภาพยนตร์มาแล้วทั้ง The Dancer (2016) และ Planetarium (2016) ที่ร่วมแสดงกับ นาตาลี พอร์ตแมน ในขณะที่ ทิโมธี ชาลาเมต์ ที่หลังจาก Call Me by Your Name ก็มีงานแสดงรอต่อคิวอีกเพียบ ทั้ง Call Me by Your Name ภาคต่อ ที่ยังไม่มีกำหนดเข้าฉาย, A Rainy Day in New York และ Beautiful Boy ส่วน โรเบิร์ต แพตทินสัน ก็กำลังจะมีภาพยนตร์แฟนตาซี-เขย่าขวัญ The Lighthouse ของค่าย A24 และได้ Robert Eggers มากำกับ พร้อมแสดงนำคู่กับ Willem Dafoe อีกด้วย
