ลู่วิ่ง (Can’t Keep Up) คือผลงานล่าสุดในอัลบั้มชุดใหม่ของ 3 หนุ่มวง Tilly Birds แห่งค่าย Gene Lab ที่ยังคงคุณภาพคับแก้วด้วยซาวด์ดนตรีหลากมิติและเนื้อเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ เติร์ด-อนุโรจน์ เกตุเลขา (ร้องนำ) ที่แฟนๆ คิดถึง รอติดตาม และพวกเขาไม่ทำให้ผิดหวัง
ผลงานครั้งนี้ เติร์ดยังคงรับหน้าที่เขียนเนื้อร้องร่วมกับ Chamil Arin และ BABEPOOM ซึ่งเคยร่วมงานกันมาแล้วในผลงานก่อนหน้าอย่าง เพื่อนเล่น ไม่เล่นเพื่อน (Just Being Friendly) เรียบเรียงโดย ไมโล-ธุวานนท์ ตันติวัฒนวรกุล (กลอง) และโปรดิวซ์โดย บิลลี่-ณัฐดนัย ชูชาติ (กีต้าร์)
ลู่วิ่ง อาจไม่ได้มีภาคดนตรีที่หวือหวาเท่ากับหลายผลงานก่อนหน้าของพวกเขา แต่ก็ยังไพเราะเสนาะหูในทุกรายละเอียด ทั้งกรู๊ฟกีต้าร์ชวนโยกของบิลลี่ที่โดดเด่นในทุกผลงาน เสียงซินธิไซเซอร์หนักๆ และเสียงคอรัสที่เข้ามาเติมเต็มมิติให้กับเพลง ทั้งหมดต่างทำหน้าที่ชักชวนให้ผู้ฟังดำดิ่งไปกับเนื้อหาหน่วงๆ เจ็บๆ ที่เพลงอยากจะสื่อเป็นอย่างดี
โดยเติร์ดได้หยิบนำความรู้สึกของคนที่กำลังแอบรักใครสักคนมาเปรียบเปรยถึงการวิ่งบน ‘ลู่วิ่ง’ ที่เราต้องวิ่งวนไปวนมาอยู่แบบนั้น พร้อมหวังว่าสักวันเราจะสามารถเร่งความเร็วไปวิ่งข้างๆ เขาได้ แต่ไม่ว่าจะเร่งฝีเท้าเท่าไรก็ยังตามเขาไม่ทัน แถมเขายังไม่เคยคิดที่จะหันหลังกลับมามองด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ความรู้สึกที่มีต่อคนตรงหน้าก็ยังผลักดันให้เราวิ่งตามต่อไปไม่หยุดอยู่ดี
“เพลงนี้ผมแต่งมาจากชีวิตจริงของผมเองครับ เพราะส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยสมหวังในความรักเลย ก็ได้แต่วิ่งตามเขานี่ล่ะฮะ (หัวเราะ)” เติร์ดเล่าที่มาของเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ของตัวเอง
“ผมเลยอยากถ่ายทอดมุมมองของคนที่กำลังวิ่งตามใครสักคน และรอให้เขาหันกลับมามอง แต่สุดท้ายมันก็เหมือนเราวนกลับมาจุดเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเราเองที่ใจไม่แข็งพอและยอมเขาอยู่อย่างนั้น”
ด้วยเนื้อหาของเพลงที่กลั่นมาจากประสบการณ์ของตัวเอง เติร์ดจึงมารับหน้าที่เขียนบทและกำกับมิวสิกวิดีโอร่วมกับ Cehadoo บอกเล่าเรื่องราวของนักกีฬาหนุ่มที่คอยวิ่งตามหลังหญิงสาวที่เขาแอบรักมาโดยตลอด และยังคอยดูแลยามที่เธอเหนื่อยหรือบาดเจ็บไม่เคยห่าง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยหันกลับมามองหรือสังเกตการกระทำของเขาเลยสักครั้ง
จนกระทั่งชายหนุ่มทราบว่าหญิงสาวที่เขาวิ่งตามมาตลอดกำลังจะแต่งงานกับคนที่เธอรัก เขาจึงตัดสินใจ ‘หยุดวิ่ง’ ด้วยตัวเอง เพื่อหวังว่าเธอจะได้ออกวิ่งเคียงคู่กับคนที่เธอรักต่อไป ซึ่งแม้ว่าในท้ายที่สุดหญิงสาวจะตระหนักได้ว่าคนที่คอยวิ่งตามและดูแลเธออยู่เสมอคือชายหนุ่ม เธอจึงพยายาม ‘วิ่งไล่ตาม’ ชายหนุ่มที่จากไป แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
ลู่วิ่ง จึงอาจจะไม่ได้เป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาเพื่อแทนความรู้สึกของคนที่วิ่งไล่ตามเท่านั้น แต่เรายังสามารถตีความได้อีกแง่มุมหนึ่งว่า เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนที่กำลังวิ่งอยู่ข้างหน้าได้ลอง ‘หยุดวิ่ง’ แล้ว ‘หันหลัง’ กลับมามองความรู้สึกของคนที่กำลังวิ่งตามเราอยู่ข้างหลังบ้าง
เพราะบางที คนที่เราไม่เคยหันหลังกลับไปมองเลยสักครั้ง อาจเป็นคนที่กำลังเฝ้ามองเราด้วยความเป็นห่วง และคอยดูแลเรามาตลอด โดยที่เราไม่รู้ตัวก็เป็นได้
“เธอช่วยรอกันหน่อย ยืนอยู่กับที่ได้ไหม ข้างหลังเธอยังมีใคร ที่ยังไปไม่ถึงไหน ถามเธอสักคำหน่อย เธอเคยคิดถึงฉันไหม ถ้าเธอมีใจให้ฉันก็หันมาหน่อย เพราะตอนนี้ฉันวิ่งตามเธอไม่ทัน”
รับชมมิวสิกวิดีโอได้ที่นี่
อ้างอิง: