×

จากมอสโกถึงปารีส อีกหนึ่งค่ำคืนประวัติศาสตร์ของแฟนสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

07.03.2019
  • LOADING...
this-is-manchester-united

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • แมตช์ระหว่างปารีส แซงต์ แชร์กแมง และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามพาร์กเดส์​แพร็งส์ น่าจะเป็นอีกหนึ่งเกมในความทรงจำของสโมสรและแฟนบอล เมื่อโกงความตายผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกด้วยกฎประตูทีมเยือนได้อย่างปาฏิหาริย์
  • ก่อนเริ่มเกม ยูไนเต็ดตกเป็นรองทั้งผลการแข่งขันนัดแรก ตัวผู้เล่นชุดหลักที่บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก การติดโทษแบนของ พอล ป็อกบา และการต้องออกไปเยือนทีมคู่แข่งโดยมีสกอร์ตามหลังถึง 0-2
  • แฟนบอลยูไนเต็ดหลายคนในโลกโซเชียลมีเดียเห็นตรงกันว่าเกมในค่ำคืนนี้ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ที่ทีมชนะการดวลจุดโทษกับเชลซีในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก พร้อมคว้าแชมป์มาครอง

เชื่อเหลือเกินว่าคืนวันพุธที่ 6 มีนาคมผ่านมา (ตรงกับช่วงเช้ามืดวันพฤหัสบดี) น่าจะเป็นอีกหนึ่งคืนในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แฟนบอลเรด เดวิลส์ ทุกคนจะต้องจดจำไปชั่วชีวิต หลังโกงความตายพลิกเอาชนะยอดทีมจากฝรั่งเศส ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 3-1 รวมผลสองนัดผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกด้วยกฎประตูทีมเยือนได้อย่างปาฏิหาริย์

 

ก่อนเริ่มเกม ปีศาจแดงเป็นรองปารีสทุกด้าน เริ่มต้นจากผลการแข่งขันนัดแรกในโอลด์แทรฟฟอร์ดที่แพ้หมดรูปด้วยสกอร์ 0-2 ส่งผลให้การแข่งขันในเลกที่ 2 นี้ พวกเขาจะต้องยิงทีมแชมป์ลีกเอิง 7 สมัยให้ได้ด้วยสกอร์ 3 ลูกขึ้นไปเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ผ่านเข้ารอบได้ และต้องลุ้นให้ปารีสยิงได้อย่างมากแค่ลูกเดียว

 

เงื่อนไขนี้ยากขนาดไหน? สถิติจาก Opta ระบุเอาไว้ว่าใน 34 แมตช์ในรอบน็อกเอาต์ของการแข่งขันในศึกแชมเปียนส์ลีกก่อนหน้านี้ ยังไม่มีทีมใดที่แพ้ 0-2 หรือมากกว่านี้ในเกมนัดแรกที่บ้านของตัวเอง และสามารถพลิกสถานการณ์เข้ารอบในนัดที่ 2 ได้สำเร็จ แถมรูปเกมในนัดแรกก็พอทำนายได้ไม่ยากว่าผลการแข่งขันในนัดนี้จะออกมาเป็นเช่นไร

 

ประการถัดมา ขุมกำลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่นำทัพโดย โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ในนัดนี้เป็นทีมชุดที่พิกลพิการเอามากๆ สามทหารเสือในแผงมิดฟิลด์อย่าง เนมันยา มาติช, อันเดร์ เอร์เรรา และพอล ป็อกบา ไม่สามารถลงมาผนึกกำลังช่วยทีมได้ (สองคนแรกบาดเจ็บ รายหลังถูกแบนจากการโดนใบเหลือง-แดงในนัดแรก) ส่วนปีกทั้ง 4 คนของทีม เจสซี ลินการ์ด, อ็องโตนี มาร์กซิยาล, อเล็กซิส ซานเชซ และฆวน มาตา ก็ดันประสบอาการบาดเจ็บในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกันทุกคน

 

ผลที่ตามมาจึงลงเอยด้วยการที่ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ต้องหนีบเอาผู้เล่นอายุน้อยจากอคาเดมีของทีมไปมากถึง 5 คน ประกอบด้วย แบรนดอน วิลเลียมส์, เจมส์ การ์เนอร์, อังเคล โกเมส, ทาฮิต ชอง และเมสัน กรีนวูด (ไม่นับ สกอตต์ แม็กโทมิเนย์ ที่ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่แล้ว)

 

นับว่าเป็นงานหินและโจทย์ที่ยากมากๆ สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

ในสถานการณ์ที่ยูไนเต็ดกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ ใครๆ ก็มองว่าพวกเขาน่าจะทิ้งถ้วยนี้ไปให้จบๆ ซะ โดยเฉพาะแฟนปีศาจแดงจำนวนไม่น้อย ด้วยเข้าใจว่าจะได้มาโฟกัสกับการลุ้นอันดับ 3-4 ในพรีเมียร์ลีกแทน เพื่อเข้ามาเล่นในรายการยูฟ่าแชมเปียนลีกส์อีกครั้งในปีหน้า

 

กระทั่งช่วงแถลงความพร้อมก่อนเริ่มเกมการแข่งขัน 1 วัน โซลชาร์ก็เลือกปลุกขวัญกำลังใจของลูกทีมและแฟนบอลให้เชื่อว่าทุกคนยังพอมีลุ้นในนัดนี้ว่า “มันคืองานที่ยาก แต่เราสามารถทำได้ แน่นอนว่าเราต้องได้ประตูแรกก่อน และต้องอยู่ในเกมให้ได้ ถ้าเหลือเวลาแค่ 30 นาทีแล้วเรายิงได้ 1 ลูก อะไรก็เกิดขึ้นได้

 

“แน่นอนว่าทุกคนรู้ว่าเราสามารถทำได้ เราเองก็เคยทำให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง”

 

เมื่อผู้นำของทีมฮึกเหิมเช่นนี้ มีหรือที่บรรดาลูกทีมและแฟนบอลจะไม่ยืนหยัดเคียงข้างเขา แถมการเดินทางมาปารีสในทริปนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีมวัย 77 ปีที่วางมือไปแล้วก็เดินทางมาพร้อมกับทีมด้วย แม้จะไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับทีมชุดนี้อีกต่อไป แต่ก็ถือเป็นการสร้างพลังและไฟในใจของทุกคนที่ยูไนเต็ดให้ลุกโชนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

this-is-manchester-united

 

เกมในนัดนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เลือกเล่นในระบบ 4-4-2 วาง มาร์คัส แรชฟอร์ด และโรเมลู ลูกากู เป็นกองหน้าคู่ แผงกลางชุดนี้ 3 ใน 4 คือตัวสำรองที่แทบจะมีโอกาสเล่นร่วมกันน้อยมากๆ ทั้ง อันเดรียส เปเรรา, เฟร็ด, แม็กโทมิเนย์ ส่วนแอชลีย์ ยัง ถูกดันขึ้นมาเป็นปีกขวา แผงหลังและผู้รักษาประตูใช้ ลุค ชอว์, วิกเตอร์ ลินเดลอฟ, คริส สมอลลิง, เอริก ไบญี และดาบิด เด เคอา

 

this-is-manchester-united

 

ขณะที่เจ้าบ้านมาในระบบ 4-2-3-1 จิอันลุยจิ บุฟฟอน เป็นผู้รักษาประตู, ธิโล เคห์เรอร์, ติอาโก ซิลวา, เพรสแนล คิมเพมเบ และฆวน เบร์นาต ประจำการในแนวรับ กองกลางตัวคุมเกมใช้ มาร์ควินญอส และมาร์โก แวร์รัตติ แนวรุกมี ดาเนียล อัลเวส, ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ และอังเคล ดิ มาเรีย พร้อมดัน คีเลียน เอ็มบัปเป้ ขึ้นไปยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า

 

เริ่มเกมได้ 2 นาที ยูไนเต็ดอาศัยความผิดพลาดส่วนตัวของแผงหลังปารีส และเป็นลูกากูที่กำลังฟอร์มดีวันดีคืนสปีดแซงซิลวาแล้วเลี้ยวหลบผู้รักษาประตู ก่อนตวัดบอลเข้าไปให้ทีมขึ้นนำอย่างรวดเร็วด้วยสกอร์ 0-1 แต่ก็ดีใจอยู่ได้ไม่นาน เพราะหลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกกดดันอย่างหนักจนมาถูกตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่เอ็มบัปเป้ปาดเข้าในให้แบ็กซ้ายอย่างเบร์นาตวิ่งสอดขึ้นมายิงให้ทีมได้สำเร็จ

 

เท่ากับว่าในตอนนี้โจทย์ของปีศาจแดงคือต้องยิงให้ได้อีก 2 ลูกและไม่เสียประตูเท่านั้นถึงจะผ่านเข้ารอบ มองยังไงก็ยากและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!

 

เกมดำเนินมาจนถึงในนาทีที่ 30 แรชฟอร์ดได้ลองสับไกลจากหน้ากรอบเขตโทษ บุฟฟอนผู้รักษาประตูรับบอลที่พุ่งเข้ามากระฉอก และเป็นลูกากูคนดีคนเดิมที่วิ่งเข้ามาตามซ้ำได้อย่างรวดเร็ว เท่ากับว่าลูกากูยิงได้ถึง 6 ลูกแล้วใน 3 นัดล่าสุด โดยยิงติดต่อกันได้ทั้ง 3 นัด นัดละ 2 ประตู

 

หลังจากนั้นไม่นาน โซลชาร์ไม่รอช้า รีบแก้เกมโดยการส่ง ดิเอโก ดาลอต ลงมาเล่นเป็นปีกขวาแทนไบญีที่วันนี้ดูจะสมาธิหลุดพอสมควร แล้วยังลงไปเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาแทน ครึ่งแรกจบลงด้วยสกอร์ 1-2

 

เริ่มเกมครึ่งหลังมา ปารีสยังเป็นฝ่ายที่คุมเกมไว้ได้อย่างหมดจด โดยเฉพาะแวร์รัตติที่วันนี้คุมจังหวะการเล่นของทีมได้เนียนกริบ แทงจ่ายบอลได้คมสุดๆ แถมยังลงมาเล่นเกมรับได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด ส่วนกองหลังก็ช่วยกันเก็บบอลได้ทุกจังหวะ ดูแล้วยังไงปารีสก็น่าจะผ่านเข้ารอบใสๆ

 

this-is-manchester-united

 

แต่เพราะทุกครั้งที่มีโอกาสหลุดไปป้วนเปี้ยนฉวัดเฉวียนหน้ากรอบเขตโทษของยูไนเต็ด พวกเขากลับไม่เฉียบคมในจังหวะสุดท้าย ราวกับว่าวันนี้เทพีแห่งโชคจะยืนข้างปีศาจแดง โดยเฉพาะเอ็มบัปเป้ที่เกมนี้ทำได้ดีทุกอย่างยกเว้นการจบสกอร์ แถมท้ายเกมก็เกือบปิดกล่องฝังยูไนเต็ดได้แล้วแท้ๆ

 

ช่วงท้ายเกมในนาทีที่ 80 และ 87 ความหวังและโอกาสการผ่านเข้ารอบของยูไนเต็ดแทบจะเป็น ‘ศูนย์’ โซลชาร์เลือกปรับทัพอีกครั้งด้วยการส่งผู้เล่นอย่างชองและกรีนวูดลงมาเล่นแทนผู้เล่นในสนาม โดยในรายของกรีนวูดคือการเดบิวต์เล่นให้กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก และศูนย์หน้าดาวรุ่งวัย 17 ปีผู้นี้ก็ถูกมองว่าเป็นเพชรเม็ดงามที่น่าจะเจิดจรัสเหมือนรุ่นพี่อย่างแรชฟอร์ดได้ไม่ยาก เผลอๆ อาจจะไปไกลกว่าด้วยซ้ำ

 

ความพยายามในการเล่นอย่างอดทน พร้อมสวนกลับทุกครั้งที่มีโอกาสก็บังเกิดผล เมื่อแบ็กขวาชาวโปรตุเกสอย่างดาลอตวิ่งหน้าตั้งเติมเกมขึ้นมายิงด้วยเท้าขวาในนาทีที่ 89 บอลพุ่งโดนกองหลังของปารีสออกไปเป็นลูกเตะมุม แต่จังหวะนั้นผู้เล่นของยูไนเต็ดฟ้องผู้ตัดสินชาวสโลวีเนีย ดามีร์ สโกมีนา ว่าบอลไปโดนมือของคิมเพมเบในกรอบเขตโทษ

 

ตัวสโกมีนาที่ตอนแรกชี้ให้เป็นลูกเตะมุมก็ได้รับสัญญาณจากผู้ตัดสินทีม VAR เหมือนกัน ก่อนจะวิ่งไปดูหน้าจอ VAR ที่ข้างสนามอยู่นานสองนาน และตัดสินใจเป่าให้เป็นจุดโทษของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในที่สุด (ศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้นำเทคโนโลยีการตัดสิน VAR เข้ามาใช้แล้ว)

 

สถานการณ์ของทีมและแฟนบอลยูไนเต็ด แม้จะดีใจที่ได้จุดโทษ แต่เชื่อเหลือเกินว่าแฟนบอลทุกคนต้องกดดันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อคนยิงจุดโทษคือแรชฟอร์ด ผู้เล่นที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ยิงจุดโทษในช่วงเวลาตัดสินให้กับยูไนเต็ดเลย แถมเจ้าตัวเพิ่งจะอายุครบ 21 ปีไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ต่างจากบุฟฟอน ตำนานนายทวารวัย 41 ปีที่ยืนจังก้าหน้าปากประตูของปารีสและลงเล่นนัดแรกในชีวิตการค้าแข้งก่อนแรชฟอร์ดจะเกิดเกือบ 2 ปีเต็ม!

 

ในที่สุดผลผลิตแห่งความภาคภูมิใจของสโมสรชาวแมนคูเนียนก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวังเมื่อยิงจุดโทษเข้าไปอย่างเยือกเย็น ปลดล็อกความกดดันให้ทีมและแฟนบอล ก่อนเอาชนะไปในเวลา 90 ด้วยสกอร์ 1-3 รวมผลสองนัด ยูไนเต็ดผ่านเข้ารอบด้วยกฎอเวย์โกล์ได้ในที่สุด

 

this-is-manchester-united

 

ไม่ต่างจากแฟนบอลปีศาจแดงทั่วโลก เราเชื่อว่าจังหวะที่แรชฟอร์ดยิงจุดโทษส่งบอลเข้าไปจูบก้นตาข่ายในสนามพาร์กเดส์​แพร็งส์ได้ น้ำตาแห่งความปลื้มปีติของใครหลายคนก็น่าจะเอ่อล้นออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน พลางอดนึกถึงช่วงเวลาลุ้นดวลจุดโทษในรอบชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเมื่อ 11 ปีที่แล้วกับเชลซีไม่ได้

 

โดยเฉพาะเมื่อมองจากรูปการณ์และสถานการณ์ก่อนเริ่มเกม ขอแค่ไม่แพ้จนหมดรูปและ ‘สู้ได้’ อย่างสมศักดิ์ศรี แฟนบอลก็น่าจะแฮปปี้แล้ว แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับเหนือความคาดหมาย เพราะสามารถเอาชนะและผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี (หนล่าสุดต้องย้อนกลับไปในยุคดำมืดของ เดวิด มอยส์ เมื่อปี 2014 ที่แพ้บาเยิร์น มิวนิก ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย)

 

ชัยชนะในค่ำคืนที่ปารีสในวันนี้สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณความเป็น ‘นักสู้โกงความตาย’ ของยูไนเต็ดและแฟนบอลได้เป็นอย่างดี ทั้งยังตรงกับนิยาม ‘ความเชื่อ’ (Believe) ที่สโมสรมักจะใช้ปลุกใจผู้เล่นและแฟนๆ ในการแข่งขันนัดสำคัญ โดยเฉพาะในเวทียูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอยู่ตลอดเวลา

 

this-is-manchester-united

 

นอกเหนือจากหัวจิตหัวใจความเป็นนักสู้ของผู้เล่นทุกคนในทีมที่ช่วยกันเล่นเกมฟุตบอลของตัวเองได้อย่างเป็นระบบระเบียบ คอยช่วยพยุงกันและกันจนสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายของผู้ตัดสิน โซลชาร์และทีมสตาฟฟ์โค้ชอย่าง ไมค์ ฟีแลน,​ ไมเคิล คาร์ริก, คีแรน แม็กเคนนา และเอมิลิโอ อัลวาเรซ คือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ที่ควรได้รับเครดิตไปเต็มๆ โดยเฉพาะโซลชาร์ที่ปรับแก้เกมได้อย่างชาญฉลาด ทั้งยังกระตุ้นลูกทีมที่ข้างสนามอยู่เสมอ

 

หลังจบเกมพร้อมตั๋วผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย แฟนบอลยูไนเต็ดที่เดินทางจากอังกฤษมาแค่เพียงหยิบมือยังคงร้องเพลงเฉลิมฉลองความสำเร็จให้กับทีม แม้แฟนบอลเจ้าถิ่นจะทยอยออกจากสนามจนที่นั่งว่างขึ้นมาทันตา เช่นเดียวกับผู้เล่นที่ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บและฉลองดีใจผ่านหน้าจอโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน ทั้งลินการ์ด, มาติช และมาร์กซิยาล

 

ผู้เล่นในทีมก็ไม่น้อยหน้า ฉลองชัยชนะในห้องแต่งตัวอย่างสุดเหวี่ยงเช่นกัน โดยมีเซอร์ อเล็กซ์ และเอริก คันโตนา ลงมาแสดงความดีใจกับทุกคนด้วย นับเป็นภาพประทับใจและช่วงเวลาที่น่าจดจำของเรด เดวิลส์ อย่างแท้จริง

 

this-is-manchester-united

ภาพ: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

โซลชาร์เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังเกมว่า “เราเชื่อมั่นเสมอ เราเล่นตามแผนของพวกเรา นั่นคือการทำประตูแรกให้เร็วที่สุดให้ได้ในช่วง 5 หรือ 10 นาทีแรก แล้วเราก็ทำได้ ความเชื่อในตัวเด็กๆ พวกนี้เป็นสิ่งที่พวกเราหวังไว้ และแน่นอน มันคือการเริ่มต้นที่ดี”

 

เมื่อถูกถามว่ามีโอกาสที่ลูกทีมของตนจะคว้าแชมป์รายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกมาครองได้หรือไม่ โซลชาร์ตอบทันทีว่า ‘แน่นอน’ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตนจะให้ความสำคัญกับการแข่งขันเกมต่อเกมมากกว่า

 

“เราคิดว่าเราสามารถไปต่อได้ตลอดเส้นทางอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องรอผลการจับสลากและเล่นเกมตามโปรแกรมในตอนนี้ เรามีผู้เล่นที่มีอาการบาดเจ็บและติดโทษแบนเป็นจำนวนมาก แต่มันก็อาจจะเป็นเรื่องดีในวันนี้ก็ได้ เพราะเรามีทีมที่สดและเปี่ยมไปด้วยพลัง เรารู้ดีว่าต้องเน้นเกมรับ ถ่อมตนให้มากพอที่จะพัฒนาตัวเอง และเราก็ทำมันได้สำเร็จ”

 

นอกจากนี้โซลชาร์ยังบอกว่าเขารู้สึกดีมากๆ ที่เซอร์ อเล็กซ์ ลงมาแสดงความดีใจกับทีมถึงห้องแต่งตัว ซึ่งโซลชาร์ยังคงเรียกตำนานผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์ว่า ‘บอส’ เหมือนสมัยที่เขายังเป็นดาวยิงซูเปอร์ซับให้กับทีม

 

จากดีเอ็นเอและจิตวิญญาณนักสู้ที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น จากปรัชญาการทำทีมเกมรุกสู้สุดใจขาดดิ้น ไม่กลัวเกรงใครหน้าไหน สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้สโมสรฟุตบอลสโมสรหนึ่งคว้าใจแฟนบอลได้มากมายทั่วโลก พร้อมนำความสำเร็จเข้าสู่ตู้เกียรติยศครั้งแล้วครั้งเล่า

 

‘This is Manchester United !’

เพราะนี่คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

this-is-manchester-united

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising