*คำเตือน บทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหารายการ
เผลอแป๊บเดียว The Face Men Thailand ก็เข้าสู่ Ep.8 แล้ว ใกล้จะจบการแข่งขันเข้าทุกที แต่ว่ากันตามตรง การแข่งขันสัปดาห์นี้ค่อนข้างง่วงงืด โจทย์ท้าทายน้อยกว่าสัปดาห์ที่ผ่านๆ มาจนแอบเสียดายว่าการแข่งขันใกล้จะจบแล้ว น่าจะได้เห็นโจทย์ที่โหดกว่านี้ ลองนึกถึง The Face ผู้หญิงที่มีโหนสลิงถ่ายแบบ มีถ่ายรูปใต้น้ำ ฯลฯ แต่ The Face Men สัปดาห์ท้ายๆ ขนาดนี้ยังคงมาถ่าย TV Scoop ขายของลูกค้ากันอยู่เลย! เอาว่าตั้งแต่แข่งขันมา ไม่มีใครมีผลงานโดดเด่นควรจะชนะเลย ถ้ามีใครควรเข้าห้องดำ เราว่าควรให้ลูกค้าทุกคนที่มาเป็นกรรมการตัดสินเข้าห้องดำให้หมด เพราะแต่ละคนตัดสินกันมาได้น่ามองบนมาก จะยาสระผม จะครีมก็เถอะ ฮ่าๆ
เอาเป็นว่าเราก็ดูกันสนุกๆ และดูว่าวิธีการทำงานของเมนเทอร์แต่ละคนเป็นอย่างไรก็สนุกแล้ว และได้ประโยชน์มาใช้กับการทำงานด้วย และเช่นเคย ไม่ว่าคุณจะเป็น #ทีมพีช #ทีมหมู #ทีมลูกเกด สัปดาห์นี้มีอะไรให้เรียนรู้โลกการทำงานกันบ้าง มากันเลย!
อย่ายึดติดกับบุคคล
เมนเทอร์หมูไม่สามารถมาปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากไม่สบาย จึงมีคุณหญิงแมงมุมมาเป็นเมนเทอร์พิเศษประจำทีมชั่วคราว แต่ลูกทีมเมนเทอร์หมูก็ไม่ได้หวั่นไหวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ยังคงทำหน้าที่เหมือนเดิม และให้ความเคารพ ความเชื่อมั่นเมนเทอร์คนใหม่เป็นอย่างดี
ในโลกการทำงาน การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงเรื่องบุคคล มีคนเข้าคนออกอยู่เป็นปกติ ยิ่งทำงานในสายเอกชนเดี๋ยวนี้ ทำงานปีสองปีก็ลาออกกันแล้ว จนบางครั้งทำงานกับใครนานๆ จนเข้าขากันได้ดี รู้ใจกันหมด วันหนึ่งเกิดต้องมีการเปลี่ยนแปลง คนเก่าออกไป คนใหม่เข้ามา ก็อาจจะหวั่นไหว รู้สึกว่าคนใหม่ไม่เห็นเหมือนกับคนเก่าเลย หรือรู้สึกว่าคนใหม่ยังไงก็สู้คนเก่าไม่ได้หรอก
ความเป็นจริงก็คือคนเราไม่เหมือนกัน ยังไงคนใหม่ก็ไม่เหมือนคนเก่า แต่ละคนมีเอกลักษณ์ มีวิธีการใช้ชีวิต วิธีการทำงานที่ต่างกัน
ถ้าเรายึดติดกับบุคคลว่าต้องเป็นคนนี้เท่านั้น ฉันจึงจะทำงานด้วยได้ ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน เผลอๆ จะเป็นการปิดประตูการเรียนรู้ของเราเองด้วย คนใหม่อาจจะมีวิธีการทำงานที่ไม่เหมือนกับที่เราเคยเจอมา เอามาลองใช้ เอามาแลกเปลี่ยนกันก็น่าจะเป็นประโยชน์กับทีม ได้เรียนรู้เพิ่มเติมอีกต่างหาก เราอาจจะเจอวิธีการทำงานแบบใหม่ๆ ที่ดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้ อย่าไปยึดติด เวิร์กหรือไม่เวิร์กก็มาเรียนรู้ในทีมร่วมกัน เป็นบทเรียนของทีม
เราต้องให้โอกาสคน ให้ความเชื่อมั่นกับคนอื่นก่อน เขามาใหม่ก็คงจะต้องการการสนับสนุนมากกว่าปกติอยู่แล้ว คนเราถ้ารู้สึกว่ามีคนให้โอกาสเขา มีคนเชื่อมั่นศรัทธาในตัวเขาก็จะทำงานได้เต็มที่ แต่ถ้ามาถึงก็รู้สึกว่าโดนปิดกั้น โดนจ้องจับผิดอยู่ตลอดเวลา โดนท้าทาย เขาก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ จริงอยู่ว่าเขาต้องพิสูจน์ฝีมือให้คนในทีมได้รู้ แต่คนในทีมเองก็ต้องให้โอกาสเขา และต้องซื้อใจด้วยการให้ความเชื่อมั่นเช่นกัน
ถึงคนจะเปลี่ยน แต่เป้าหมายของเรายังเหมือนเดิม คือทำงานออกมาให้ดียิ่งขึ้นไป เพราะฉะนั้นเราควรให้โอกาสซึ่งกันและกัน ปรับตัวเข้าหากัน และเรียนรู้วิธีการทำงานแบบใหม่ๆ
ขาดใครไป แต่งานก็ต้องเดินได้อยู่
สิ่งที่น่าสนใจของทีมหมูก็คือ แม้ว่ากายหยาบของเมนเทอร์หมูจะไม่อยู่ในสัปดาห์นี้ แต่สปิริตของทีมไม่มีตก ยังคงรู้สึกเหมือนว่ามีเมนเทอร์หมูอยู่ในการแข่งขันตลอดเวลา (และกลับมาอีกทีพร้อมแว่นยักษ์ที่ทำให้ทึ่งว่า ขนาดพี่ป่วยหนัก แต่กลับมาพี่ยังคิดชุดไว้พร้อม!)
ทีมที่แข็งแรงจะเป็นแบบนี้ คือขาดใครไปก็ยังเดินหน้าทำงานได้ และยังคงรู้สึกเหมือนทุกคนอยู่ครบ ถึงตัวไม่อยู่ แต่คำสอนและกำลังใจยังอยู่ในตัวทีมงานทุกคน ไม่ใช่ว่าหัวหน้าไม่อยู่สักคนก็ทำอะไรต่อไม่ถูก หรือขาดใครไปแล้วเหมือนขาดพลังไปเลย
สุดท้าย ขาดใครไป ทุกคนก็ยังต้องทำงานได้อยู่ครับ ทีมที่แข็งแรงต้องคิดเรื่องนี้เผื่อไว้ด้วย ต่อให้แต่ละคนจะมีหน้าที่ประจำตัวอยู่แล้ว แต่ในกรณีฉุกเฉิน ถ้าขาดใครไปก็ต้องสามารถทำงานแทนกันได้ ทุกคนรู้งานเท่ากันหมด ไม่อย่างนั้นหากเกิดเหตุไม่คาดฝันใดๆ ขึ้นมา ทีมจะไปต่อไม่ได้เลยถ้าฝากทุกอย่างไว้ที่คนคนเดียว
เพราะฉะนั้นมันทำให้เราเห็นว่า คนคนเดียวมีทักษะเดียวอาจจะไม่พอ ต้องมีทักษะอื่นๆ สำรองไว้แทนที่คนอื่นในกรณีฉุกเฉินด้วย
บอกแบบนี้อาจจะเหมือนเป็นการเพิ่มงานขึ้น ‘คนคนเดียวรู้เรื่องเดียวให้รอดก็ยากอยู่แล้ว’ ใช่ไหมล่ะครับ แต่ลองนึกดูดีๆ นะครับว่า คนเราจะรู้แค่เรื่องเดียว เก่งแต่เรื่องเดียวเท่านั้นจะพอหรือครับ และการรู้เรื่องอื่น ทักษะอื่นเพิ่มเติมไปด้วย คนที่ได้ประโยชน์โดยตรงคือตัวเราเองนี่แหละครับ รู้อะไรเพิ่มขึ้นก็เป็นอาวุธติดตัวเราไปด้วย เกิดต้องใช้มันเมื่อไรจะได้ยังมีความรู้นี้อยู่ สามารถเอาตัวรอดได้
โอกาสเป็นของคนที่มีพัฒนาการ
การตัดสินในห้องดำสัปดาห์นี้ค่อนข้างน่าลำบากใจ เพราะเป็นตัวเลือกที่มีจุดแข็งจุดอ่อนต่างกัน กุน เป็นหนึ่งในคนที่มีศักยภาพตั้งแต่ต้นรายการ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่พร้อมและเข้าทาง แต่พัฒนาการก็ตกลงมาตลอด ไม่ได้โดดเด่นอะไร คาแรกเตอร์ไม่ชัด ในขณะที่ กันน์ เป็นคนที่ตั้งแต่ต้นรายการดูมีสิ่งที่ติดตัวมาน้อยกว่า แต่อยู่ๆ ไปก็มีคาแรกเตอร์ที่ไม่เหมือนใคร มีแนวทางของตัวเอง และมีพัฒนาการขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเข้ามาในห้องดำเป็นรอบที่ 4 แล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากราฟพัฒนาการของกันน์มีมากกว่าคนที่ไม่เคยเข้ามาในห้องดำด้วยซ้ำ
สุดท้ายเมนเทอร์หมูเลือกเก็บคนที่มีพัฒนาการ และส่งคนที่พัฒนาการได้น้อยกว่ากลับบ้านไป
เป็นการตัดสินที่ยากลำบาก แต่เข้าใจได้ เพราะถึงกันน์จะเข้ามาในห้องดำ 4 รอบแล้ว แต่มองในมุมพัฒนาการก็มีมากกว่าคู่แข่ง เอาว่าผ่านห้องดำไปได้ 4 รอบก็มี survival skills หรือทักษะการเอาตัวรอดเยอะกว่าคนอื่นเลยล่ะ
สิ่งนี้น่าจะเป็นบทเรียนให้เราได้ว่า ถ้าเราเรียนรู้ที่จะพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นจนคนเห็นความพยายามนั้น โอกาสก็จะเป็นของเรา แต่ถ้าเรามีฝีมือ แต่ไม่มีพัฒนาการ หรือควรที่จะต้องพัฒนาไกลกว่านั้น แต่ดันพัฒนาน้อยกว่า เราก็เหมือนเสียของ โอกาสก็จะไม่เป็นของเรา
บางทีเวลาเราตัดสินผลงานของลูกทีม เราจะดูผลลัพธ์อย่างเดียวไม่พอ ต้องดูไปถึงว่าลูกทีมพัฒนาตัวเองขึ้นมากไหม เขาพยายามมากพอหรือเปล่า คนเรามีความสามารถตั้งต้นไม่เหมือนกัน บางคนมีมาก บางคนมีน้อยกว่า แต่การที่เขาหมั่นพยายามฝึกฝนเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเอง จะทำให้ความสามารถของเขามีมากขึ้น เราต้องเห็นคุณค่าของความพยายามของเขา และให้โอกาสคนที่พยายามที่จะพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ต่อให้พัฒนาช้า แต่ก็พยายาม และถ้าเขาพยายามได้มากพอ อดทนมากพอที่จะฝึกฝน ไม่เลิกล้มในตอนที่ยังไม่ทันเห็นดอกผลของความพยายาม เราก็ต้องให้เครดิตเขา
แต่ละคนใช้เวลาเรียนรู้ต่างกัน บางคนเร็ว บางคนช้า แต่เราต้องให้โอกาส หรือต้องกลับมาคิดว่าจะช่วยให้เขาพัฒนาอย่างไรได้บ้าง ในเมื่อเขามีใจที่อยากจะพัฒนาแล้ว เรายิ่งต้องหาทางส่งเสริม อย่าปล่อยให้เขาพยายามอยู่ฝ่ายเดียว แล้วก็ให้เขาไปหาวิธีการเอาเอง เราที่เป็นหัวหน้าก็ต้องช่วยเขาพัฒนา หาวิธีการทำงานที่จะทำให้เขาได้ฝึกฝนตัวเองมากขึ้น มีสนาม มีเวทีให้เขาได้ฝึกฝน และต้องอดทนรอร่วมกัน เพราะการพัฒนาไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด ทุกอย่างต้องใช้เวลาและความใส่ใจที่มาจากทั้งหัวหน้าและลูกทีมร่วมมือกัน
สัปดาห์หน้าจะมีอะไรให้มนุษย์ทำงานอย่างพวกเราเรียนรู้จาก The Face Men Thailand กันอีก เดี๋ยวมาเรียนด้วยกัน!
Photo: The Face Thailand /Facebook