×

ถอดบทเรียนโลกการทำงานจาก The Face Men Thailand Ep.6 (2 ก.ย. 2560)

03.09.2017
  • LOADING...

* คำเตือน บทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหารายการ

     The Face Men Thailand สัปดาห์นี้มันพีกมากกกกก พีกทั้งในแง่ความตลกของเมนเทอร์พีชที่สกิลการแซะร้ายกาจเหลือเกิน พีกทั้งในแง่ความเหนือชั้นของโชว์เมนเทอร์ลูกเกด พีกในแง่ความดราม่าตอนท้ายรายการที่ทำเอาผู้เข้าแข่งขันเสียน้ำตา และบทเรียนโลกการทำงานก็ยังมีให้เราเรียนรู้เหมือนเคย
     ไม่ว่าคุณจะเป็น #ทีมพีช #ทีมหมู #ทีมลูกเกด สัปดาห์นี้มีอะไรให้เรียนรู้กันบ้าง มากันเลย!

 

ไม่มีคำว่าไร้สาระ
     ซีนน่าจดจำประจำสัปดาห์นี้คือตอนที่เมนเทอร์ลูกเกดปลุกลูกทีมให้เป็นแกลดิเอเตอร์ด้วยการตะโกนใส่หน้าว่า “Who are you?” แล้วผลักลูกทีมแรงๆ (ตบหน้าก็มี) ให้ลูกทีมตะโกนกลับมาว่า “Gladiator!” พีกกว่านั้นคือตอนที่ฟิลลิปส์ยกมือไหว้ขอโทษที่ผลักเมนเทอร์ลูกเกด แล้วเมนเทอร์ลูกเกดตอบกลับมาว่า “Don’t say sorry! Gladiator won’t say sorry!”
     โอย…กราบแม่ แม่ก็คือแม่จริงๆ
     นี่เป็นวิธีที่เมนเทอร์ลูกเกดใช้มาตั้งแต่ The Face Thailand ซีซันแรก เมื่อต้องการเซตคาแรกเตอร์ในหัวลูกทีมก่อนการแข่งขัน ช่วยให้ลูกทีมเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครที่ต้องเป็นในโจทย์นั้น เช่น ถ้าจะเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ นักรบที่ยิ่งใหญ่ต้องดุดัน ฮึกเหิม ไม่กลัวใคร ไม่เสียใจกับการกระทำของตัวเอง ลงรายละเอียดขนาดที่ว่า เมื่อไปถึงสนามประลอง แกลดิเอเตอร์ต้องเอามือหยิบทรายที่พื้นขึ้นมาโปรย แม่ทำขนาดนั้นเพื่อให้ลูกทีมอินกับคาแรกเตอร์ให้ได้ คิดดู!

 


@TheFaceThailand /Twitter


     การมีความรู้รอบตัวเป็นสิ่งสำคัญมาก เราไม่มีทางรู้ว่าเราจะได้ใช้ความรู้หรือประสบการณ์นั้นเมื่อไรจนกว่าเมื่อถึงเวลาที่เราต้องใช้มัน แล้วในคลังสมองเรามีหรือไม่มีให้ใช้นั่นแหละ เรื่องหยิบทรายที่พื้นมาโปรยนี่ใครจะเคยคิดว่าหนัง Gladiator ที่เคยดูๆ กันจะได้เอาความรู้นี้มาใช้ แต่มันกลายเป็นจุดที่เมนเทอร์ลูกเกดหยิบมาใช้แล้วกลายเป็นซีนทรงพลังในโชว์ครั้งนี้ไปเลย แม่ทำขนาดนี้ก็ยกให้แม่ชนะเถอะ! ยอม!
     ในโลกการทำงานก็เหมือนกัน เราไม่ได้ใช้แค่ความรู้ตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่มันคือการใช้ความรู้และประสบการณ์ตั้งแต่เกิด ซึ่งบางทีเราไม่เคยรู้หรอกว่ามันจำเป็น แต่ยามที่เราจำเป็นต้องใช้มันขึ้นมาจริงๆ ในคลังของเราก็ต้องมี เพราะฉะนั้นมันไม่มีคำว่าไร้สาระอยู่ในโลก ถ้าเรามองทุกอย่างให้เห็นคุณค่าของมัน และนำมันมาเป็นคลังความรู้และประสบการณ์ของเรา
     และเพราะเราไม่รู้ว่าเราจะได้ใช้มันเมื่อไร เราถึงต้องขยันขวนขวายหาความรู้และประสบการณ์มาเติมคลังของเราอยู่เสมอ ทุกอย่างเป็นความรู้และประสบการณ์ของเราได้หมด ทั้งการเดินทาง การทำงาน การเรียน การเล่น การดูหนัง การอ่านหนังสือ การคุยกับคนอื่นๆ ฯลฯ
     มันจะมีประโยชน์กับเราในสักวัน

 



แพ้แล้วพัฒนาขึ้นก็ยิ่งกว่าชนะแล้ว
     นอกจากจะแซะเมนเทอร์หมูได้ร้ายกาจแล้ว อีพีนี้เมนเทอร์พีชยังยิงคำคมรัวเป็นชุด ได้แก่
     “ถ้าการแพ้ทำให้เราพัฒนาได้ขนาดนี้ก็ภูมิใจที่พวกเราแพ้ เพราะทุกครั้งที่เราแพ้ เราเก่งขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราแพ้แล้วทุกคนเก่งขึ้น ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้รู้สึกเสียดายกับคำว่าแพ้”
     “ถ้าเขาแพ้แล้วเขาเก่งขึ้นกันได้ขนาดนี้ มันสำคัญกว่าคำว่าชนะตั้งเยอะ ถ้าเขาไม่ได้อะไรกลับไปเลย ชนะไปก็ไม่มีค่า”
     ถ้าติดตามดูทุกสัปดาห์จะรู้ว่า ผ่านมาครึ่งทางแล้ว ทีมเมนเทอร์พีชก็ยังไม่ชนะสักที แต่เราจะเห็นได้ว่าทีมมีพัฒนาการมากขึ้น เมนเทอร์พีชเอง จากเดิมเคยเฟล เคยอาละวาดฟาดงวงฟาดงา ไม่รับการตัดสิน แต่หลังๆ เมนเทอร์พีชดูจะใจเย็นขึ้น โดยเฉพาะตอนต้องเป็นคนเข้าไปบอกผลการแข่งขันกับทีมในห้อง แม้ว่าจะแพ้ แต่เราจะรู้สึกว่าเรื่องหนักๆ สำหรับทีมกลายเป็นเรื่องที่เบาขึ้น จากวิธีการพูดของเมนเทอร์พีชที่มาพร้อมกับ mindset ใหม่ว่า ถึงผลออกมาจะแพ้ แต่บรรยากาศในห้องกลับดูรักกันมากกว่าเดิม ไม่กดดัน มีกำลังใจให้กัน ยังหัวเราะกันได้อยู่ แล้วก็ไปลุยกันใหม่คราวหน้า พอแข่งรอบใหม่ก็ยังมีความหวังว่าจะชนะอยู่ ยังเชื่อมั่นในกันและกันอยู่เหมือนเดิม ใครจะแซะ จะแขวะอย่างไรก็ยังเฮฮาทำหน้าที่ของตัวเองได้อยู่ แพ้ก็ช่างมัน
     ถึงจะแพ้มาตลอด แต่ทั้งเมนเทอร์และลูกทีมก็ได้พัฒนาไปพร้อมกัน





     เช่นเดียวกัน แม้สุดท้ายแบงค์ จากทีมหมู จะโดนคัดออก แต่ตั้งแต่ตอนให้เหตุผลในห้องคัดออก จนถึงตอนที่โดนคัดออกไปจริงๆ เราจะเห็นว่าแบงค์มีทัศนคติที่ดีมาก ไม่มีการฟูมฟายใดๆ แบงค์บอกว่า “วันนี้เราอาจจะไม่ได้ก้าวไปถึงจุดที่สูงสุด แต่เราก็ก้าวมาได้ไกลเกินครึ่งแล้ว และหลังจากนี้ผมก็จะเรียนรู้ว่าเราจะพัฒนาตัวเองอย่างไร และหาตัวเองให้เจอว่าต้องการอะไรกันแน่ในชีวิต”
     ทั้งทีมพีช เมนเทอร์พีช และแบงค์ ที่ว่านี่ทุกคนแพ้หมดเลยนะ แต่ความคิดโคตรหล่อกันทุกคนเลย
     ในโลกการทำงาน เราจะเจอความผิดหวัง เราไม่ได้ชนะไปทุกครั้ง บางวันเราอาจจะแพ้ และเผลอๆ อาจจะแพ้ติดๆ กันเลยก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือหลังจากแพ้แล้วเราได้อะไรจากการแพ้
     แพ้แล้วพัฒนาขึ้นก็ยิ่งกว่าชนะแล้ว

 

Learning The Hard Way
     ไฮไลต์ของสัปดาห์นี้น่าจะเป็นปฏิกิริยาของเมนเทอร์หมูต่อลูกทีม ซึ่งเมนเทอร์หมูแสดงออกอย่างชัดเจนว่าผิดหวังในตัวลูกทีมทุกคน จนต้องส่งลูกทีม 3 คนเข้าไปในห้องดำ ที่สะเทือนใจที่สุดก็คือ หลังจากเข้าไปดูว่าลูกทีมตัวเองยังเหลือใครอยู่ ก็ไม่ได้มีคำพูดใดๆ แค่มองด้วยสายตาเย็นชาแล้วเดินออกไป เจ็บกว่าโดนถีบหน้าอีก เป็นเมนเทอร์พีชทีมคู่แข่งเสียอีกที่เดินมากอดให้กำลังใจกับลูกทีมเมนเทอร์หมูที่ยังเหลือรอดและยืนตัวลีบอย่างคนเสียขวัญ ซึ่งสำหรับผม ถือเป็นซีนน่าประทับใจมาก ไม่เพียงเท่านั้น เมนเทอร์หมูยังเดินออกจากห้องไปเลยโดยไม่พูดกับลูกทีมสักคน จนลูกทีมถึงกับบอกว่า เมนเทอร์หมูคงไม่รักพวกเขาแล้ว และกอดคอกันร้องไห้
     บางคนอาจจะไม่เห็นด้วยกับเมนเทอร์หมู เพราะรู้สึกว่าวิธีการของเมนเทอร์หมูโหดกับลูกทีม เหมือนทิ้งลูกทีมและทำให้ลูกทีมรู้สึกว่าเมนเทอร์ไม่รัก ไม่เห็นค่าของพวกเขาอีกแล้ว แต่มันก็เป็นหนึ่งในวิธีการทำงานที่คนอาจเลือกใช้ได้ และแต่ละคนก็มีวิธีการสอนคนที่ต่างกัน
     เป็นไปได้ว่าทีมเมนเทอร์หมูอาจจะชนะจนเคยตัว หรืออยู่ในจุดที่ปลอดภัยจนชิน พอเรารู้สึกว่าเราอยู่ในจุดที่ปลอดภัยตลอดเวลา เราจะไม่ระวังตัว ไม่ตื่นตัว ไม่ทุ่มเท ไม่ตั้งใจอย่างที่ควร เลยทำให้ผลงานของทีมในสัปดาห์นี้แทนที่จะปังกลายเป็นพังแทน เลยทำให้เมนเทอร์หมูต้องใช้วิธีโหด (มาก) เพื่อเขย่าลูกทีมให้รู้ตัวว่า ตื่น! จะมาทำเล่นๆ ไม่ตั้งใจแบบนี้ไม่ได้แล้ว
     นี่ไม่ใช่การเขย่าแบบธรรมดา แต่เป็นการเขย่าระดับแผ่นดินไหวเลยทีเดียว เชื่อว่าหลังจากเหตุการณ์สยองขวัญฆาตกรรมหมู่ครั้งนี้ ลูกทีมของทีมหมูจะตื่นจากฝันหวานแล้วมาตั้งใจสู้จริงๆ เสียที
     และมันจริงอย่างที่เมนเทอร์หมูพูด เสียใจที่แพ้ยังไม่เท่าเสียใจที่เห็นลูกทีมไม่แม้แต่จะพยายาม เสียใจกว่าการแพ้คือการที่ลูกทีมไม่ทุ่มเทเท่าที่เมนเทอร์ทุ่มเท

 

 

     อาจเป็นวิธีที่โหด แต่เป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้คนได้เรียนรู้ เหมือนโยนลงน้ำแบบไม่ดูดำดูดีแล้วให้หาวิธีเอาตัวรอดให้ได้ ถ้ามันง่าย มันสบาย เราจะไม่ค่อยจำ แต่บทเรียนโหดๆ นี่แหละมีประโยชน์ทำให้เราจำได้ และเป็นบทเรียนที่จะเปลี่ยนชีวิตเราจริงๆ
     ในโลกการทำงาน หัวหน้าบางคนใช้วิธีการโหดๆ ในการสอนลูกน้อง ตั้งแต่การคอมเมนต์ที่ตรงแบบไม่ต้องเกรงใจคนฟัง การดุด้วยถ้อยคำที่ฟังแล้วทำเอาเสียขวัญ การส่งให้ไปแก้ปัญหาที่สร้างด้วยตัวเอง ฯลฯ ในทางหนึ่ง หัวหน้าก็เหมือนครูที่ทำหน้าที่สอนลูกน้อง บางบทเรียนก็ต้องสอนด้วยวิธีที่โหดๆ
     แต่สุดท้ายถ้าเราเรียนรู้ เราจะเก่งขึ้นจากบทเรียนโหดๆ และอยากขอบคุณคุณครูจอมโหดคนนั้นที่ทำให้เราได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่า
     สัปดาห์หน้าจะมีอะไรให้มนุษย์ทำงานอย่างพวกเราเรียนรู้จาก The Face Men Thailand กันอีก เดี๋ยวมาเรียนด้วยกัน!

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising