×

ถอดบทเรียนโลกการทำงานจาก The Face Men Thailand Ep.3 (12 ส.ค. 2560)

13.08.2017
  • LOADING...

*คำเตือน บทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหารายการ

 

     สัปดาห์ที่ 3 ของการฟาดฟันในสมรภูมิ The Face Men Thailand ยังคงสนุกและมีอะไรให้ลุ้นอยู่ (เอาเป็นว่าจำชื่อสมาชิกในแต่ละทีมได้ก็เก่งแล้ว คนเยอะมาก!) โดยโจทย์ในสัปดาห์นี้คือการเดินแฟชั่นกับสัตว์ ที่มาพร้อมการกลับมาของเมนเทอร์คริสและป้าตือเจ้าเก่าในฐานะกรรมการ

     นอกจากความสนุกแล้ว เรายังเรียนรู้บทเรียนการทำงานได้จากดราม่ารายการนี้เช่นเคย ไม่ว่าคุณจะเป็น #ทีมพีช #ทีมหมู #ทีมลูกเกด เราสามารถเรียนรู้โลกการทำงานไปได้พร้อมกัน (แม้เราจะตีกันอยู่ก็ตาม)

 

 

ไม่ใช่ทุกคนจะน่ารักกับเรา

     ป้าตือ ในฐานะกรรมการพร้อมจะพรั่งพรูทุกความเห็นที่อาจจะทำให้ผู้เข้าแข่งขันและเมนเทอร์สติแตกขึ้นมาระหว่างการแข่งขัน จนเห็นได้ชัดว่าเมื่อผู้เข้าแข่งขันบางคนเจอคำพูดของป้าตือ กราฟความมั่นใจก็ตกทันที ไปจนถึงบางคนที่ไม่ปล่อยให้คำพูดมาทำให้สติสะเทือนได้ (ดีที่ไม่เกิดการปล่อยนกไปจิกป้าตือเป็นการแก้แค้น)

     นี่คือความจริงของโลก ไม่มีทางที่เราจะเจอแต่สิ่งที่เราชอบ เราต้องเจอคนก่อกวน เจอคำพูดถากถางนินทา อะไรต่อมิอะไรที่จะทำให้เราสั่นสะเทือนได้ ถ้าเราเกลียดเขา เราจะไม่ได้ประโยชน์อะไรกับชีวิตเลย เพราะการที่เราเกลียดเขา ไม่ได้ทำให้เขาร้ายกับเราน้อยลง หรือมาจูบปากเราได้ ถ้าเกลียดไปแล้วไม่มีอะไรดีขึ้นกับชีวิต ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บมาแบกเป็นภาระหนักกบาลของเรา 

     ถ้าเราต้องทำงานกับคนที่ไม่ได้น่ารักอะไรกับเราเลย ต้องทำใจให้ไม่เกลียดเขาให้ได้ อันนี้ยากมาก แต่ถ้าทำได้ เราจะชนะ เพราะยิ่งเกลียด เราจะยิ่งสะกดจิตตัวเอง ล้างสมองตัวเองให้เป็นลบ ผลลัพธ์คือเราไม่มีทางจะทำงานออกมาให้ได้ดีที่สุด เพราะอย่างไรเสียใจเราก็ไม่มีทางจะทุ่มเทให้กับสิ่งที่เราเกลียดได้ 

     วิเคราะห์ดีๆ ท่ามกลางคำพูดที่ฟังแล้วเหมือนจะเฉือนหัวใจของป้าตือนั้นมีคำสอนดีๆ ที่นายแบบเอาไปพัฒนาต่อได้ เขาสะท้อนในสิ่งที่เราอาจจะไม่เห็น เพียงแต่จังหวะและวิธีการติชมของเขามันดุเดือดก็เท่านั้น

     ในชีวิตการทำงานเราก็คงเคยเจอคนแบบนี้ แต่ต้องบอกตัวเองว่า เอาวะ ถือว่าเขาสอนให้เราถึกและอดทนเก่งขึ้นอีกเรื่อง ควรขอบคุณเขานะ 

     ใครๆ ก็อยากสบายกันทั้งนั้น แต่คนที่อยากพัฒนาตัวเองจะฉวยโอกาสเรียนรู้จากบทเรียนสุดโหดให้ได้มากที่สุด

     คำชมจากคนที่ไม่เคยชมเรามันฟังแล้วหัวใจพองโตยิ่งกว่าคนที่ชมเราตลอดเวลาอีก ลองตั้งเป้าว่าเราจะทำดีจนเขาชมเราให้ได้ ถึงเรายังทำให้เขาชมไม่ได้ แต่ความพยายามของเราก็จะไม่ทำให้เราอยู่ที่เดิม

 

 

ซ้อม – ซ้อม – ซ้อม

     ในการแข่งขันแคมเปญ ผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีมไม่มีโอกาสได้เจอกับสัตว์ที่ต้องใช้ในการเดินแบบมาก่อน มีเพียงเมนเทอร์เท่านั้นที่ได้คุยกับผู้ดูแลสัตว์ ที่เหลือคือ Live Performance ของจริงแบบไม่มีการซ้อม ความท้าทายของโจทย์นี้จึงเป็นการที่ผู้แข่งขันคนไหนจะควบคุมสติได้มากที่สุด และเมนเทอร์คนไหนจะล้วงเทคนิคการควบคุมสัตว์จากผู้ดูแลสัตว์มาสอนลูกทีมได้มากที่สุด (เหมือนที่เมนเทอร์ลูกเกดถามว่า ถ้าอยากให้นกกางปีกในจังหวะที่เราต้องการต้องทำอย่างไร)

 

 

     เราจะเห็นได้ว่า พอปราศจากการซ้อมระหว่างคนกับสัตว์ การไม่ได้ทำความคุ้นเคยกันมาก่อนทำให้แต่ละทีมถูลู่ถูกังกันไปคนละแบบ สัตว์อยู่ในสภาพที่ไม่เป็นใจบ้าง ตื่นเวทีบ้าง ทีมไหนคุมสติอยู่และรู้เทคนิคการควบคุมสัตว์ก็เอาตัวรอดได้

     นี่เป็นตัวอย่างให้เราเห็นความสำคัญของการฝึกซ้อม โดยเฉพาะการออกไปพรีเซนต์งาน นอกจากเตรียมไอเดียหรือพาวเวอร์พอยต์ให้ดีแล้ว การซ้อมพูดเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะต่อให้เรามีไอเดียที่ดีเลิศ มีพาวเวอร์พอยต์ที่สวย แต่เราพูดติดๆ ขัดๆ พูดไม่รู้เรื่อง พูดแล้วไม่เห็นภาพ ลำดับความคิดไม่ได้ ไอเดียที่ดีของเราก็ไม่มีความหมาย เพราะฉะนั้น ซ้อม – ซ้อม – ซ้อม และซ้อม สำคัญที่สุด

     แล้วผู้เข้าแข่งขันที่ควบคุมสัตว์ได้เขาไปซ้อมตอนไหน ผมคิดว่าเขาผ่านการซ้อมการมีสติในสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจแบบนี้มาก่อนจะเข้ามาแข่งขันแล้วด้วยซ้ำ ของแบบนี้มันมาจากประสบการณ์ชีวิต และประสบการณ์ชีวิตนี่แหละครับคือการซ้อมอย่างดี ทุกประสบการณ์ชีวิตคือการซ้อม เผื่อว่าเราจะไปเจอสถานการณ์ที่ยากขึ้นเรื่อยๆ

     นอกจากซ้อมแบบเตรียมตัวทุกขั้นตอนแล้ว จะให้ดี เราควรซ้อมแบบไม่ทันตั้งตัวด้วย อารมณ์เดียวกับการทำควิซสมัยเรียนหนังสือ ที่จู่ๆ อาจารย์เข้ามาก็บอกว่าจะเก็บคะแนนเดี๋ยวนี้นั่นแหละครับ ควิซมักจะมาในเวลาที่เราไม่ทันตั้งตัว เพราะฉะนั้นการฝึกตัวเองให้รู้ว่าบททดสอบอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจะทำให้เราเตรียมตัวอยู่ตลอดเวลา และถีบให้เรารับมือกับสถานการณ์ที่ไม่ได้ซ้อมมาก่อนได้

     ซ้อม – ซ้อม – ซ้อม และซ้อม เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเมื่อไรจะต้องขึ้นเวที

     ซ้อมให้เหมือนเล่นจริง และเล่นจริงให้ดีเหมือนอย่างที่ซ้อมมา

 

 

เรียนลัดจากคู่แข่ง

     ช่วงเวลาการบอกผลการแข่งขันกับลูกทีมเป็นหนึ่งในส่วนที่ผมชอบที่สุด ไม่เฉพาะการได้รู้ว่าทีมจะแพ้หรือชนะ แต่เป็นช่วงที่ทีมจะได้เรียนรู้ร่วมกันว่าจากแคมเปญที่ผ่านมา ทีมควรพัฒนาตัวเองอย่างไร อะไรคือสิ่งที่ดีที่ควรทำต่อไป อะไรคือสิ่งที่ควรปรับปรุง

     เมนเทอร์ลูกเกดบอกลูกทีมว่า “ทีมเราทำดีมากทุกคน” อาจจะไม่พอ อาจจะต้องบอกด้วยว่า อะไรคือสิ่งที่ดี และถ้าพวกเราจะดีขึ้นควรต้องทำอย่างไร พอเราไม่บอกจุดที่ควรต้องพัฒนาของทีม ทีมก็จะไม่พัฒนา เพราะนึกว่าที่ทำอยู่ดีไร้ที่ติอยู่แล้ว

     การทำงานใดๆ จะไม่เกิดประโยชน์เลย ถ้าสุดท้ายเราไม่ได้มาประเมินหรือวัดผลร่วมกันว่าที่ผ่านมาทำงานเป็นอย่างไร อะไรคือสิ่งที่เรียกว่า ‘Did Good’ และอะไรคือสิ่งที่เราควร ‘Do Better’ สิ่งนี้สำคัญยิ่งกว่าผลแพ้ชนะเสียอีก เพราะมันคือการที่ทีมได้พัฒนาไปร่วมกัน

     จริงๆ จะดีมากเลยถ้าเมนเทอร์แต่ละคนมาเล่าให้ลูกทีมฟังว่าคู่แข่งทำอะไรบ้าง ทั้งที่ทำดีและที่ควรปรับปรุง เพราะลูกทีมเองก็ไม่ได้เห็นผลงานของคู่แข่ง แต่เมนเทอร์สามารถใช้โอกาสที่ตัวเองได้ดูผลงานทั้งหมดของทุกทีมในการสอนลูกทีมได้ และจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาลูกทีมด้วย

     แต่การวิเคราะห์คู่แข่งต้องไม่เป็นไปด้วยอคติหรือสบประมาททีมอื่น เพราะคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดคือเราที่ประมาทเองนั่นแหละ

 

 

วิเคราะห์คู่แข่ง

     ความสนุกของเกมนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการวิเคราะห์ว่าทีมคู่แข่งจะส่งใครไปห้องคัดออกและวิเคราะห์ว่าเมนเทอร์ที่ชนะจะเล่นเกมแบบไหน

     จะเห็นได้ว่าเมนเทอร์ลูกเกดส่งลูกทีมที่แข็งแกร่งมากเข้าไป พร้อมกับวิเคราะห์ว่า ให้ตายอย่างไร เมนเทอร์หมูก็จะไม่ตัดคนนี้ออก เพราะเมนเทอร์หมูชอบคนนี้ แต่เมนเทอร์หมูก็รู้ทันว่าทีมลูกเกดจะเล่นเกมแบบนี้เหมือนอย่างที่ผ่านๆ มา แม้สุดท้ายเมนเทอร์หมูจะไม่ตัดคนเก่งออก แต่ก็สอนมวยทีมลูกเกดว่า ถ้าจะมาเล่นเกมแนวนี้ พี่รู้ทันนะเฟ้ย! ทำให้ทีมลูกเกดคงต้องวางกลยุทธ์ใหม่ในคราวต่อไป

     การทำงานก็เหมือนกัน เราต้องวิเคราะห์คู่แข่งว่าจะมาไม้ไหน และคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะแก้เกมอย่างไร โดยคิดเผื่อเป็นวิธีการที่คู่แข่งอาจจะใช้และคิดหาวิธีรับมือ เช่น ถ้าคู่แข่งใช้กลยุทธ์ตัดราคา เราจะตอบโต้อย่างไร ถ้าคู่แข่งลอกไอเดียเรา เราจะจัดการอย่างไร ถ้าคู่แข่งออกแคมเปญใหม่ตัดหน้าเรา เราจะมีแผนอย่างไร ฯลฯ

     วิธีคิดแบบนี้จะช่วยให้เราคอยมองหารอยรั่วในการทำงานอยู่เสมอ และมีแผนรับมือเอาไว้สู้ในสมรภูมิได้ตลอด

 

     สัปดาห์หน้าจะมีอะไรให้มนุษย์ทำงานอย่างพวกเราเรียนรู้จาก The Face Men Thailand กันอีก เดี๋ยวมาเรียนด้วยกัน!

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X