คลาดสายตาไม่ได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว สำหรับสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครน โดยขณะนี้ทั่วโลกต่างจับตารอดูท่าทีต่อไปของรัสเซียว่าจะทำอย่างไรต่อ หลัง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน มีคำสั่งเคลื่อนกองทัพเข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกของยูเครน
รายงานระบุว่า คำสั่งเคลื่อนกองทัพมีขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่ผู้นำรัสเซียประกาศให้การรับรองการแยกตัวเป็นอิสระของสองแคว้นในยูเครนคือโดเนตสก์และลูฮันสก์ โดยให้เหตุผลว่า ส่งทหารเข้าไปในพื้นที่เพื่อรักษาสันติภาพและสวัสดิภาพของประชาชนในพื้นที่ ส่งผลให้หลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าการส่งกองทัพเข้าไปในสองแคว้นที่แยกตัวออกมานี้เป็นเพียงก้าวแรกของรัสเซียก่อนที่จะบุกยูเครนต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคำสั่งเคลื่อนกองทัพ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนทหาร วันเวลาการเคลื่อนพล และระยะเวลาของปฏิบัติการ อีกทั้ง ดิมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ยังออกมากล่าวกับผู้สื่อข่าวยืนยันว่า ตนเองไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่ากองทัพของรัสเซียได้จัดการการรุกคืบเข้าไปสู่ในพื้นที่สองแคว้นเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่
ดังนั้นหลายฝ่ายจึงต้องจับตามองความเคลื่อนไหวของรัสเซียอย่างใกล้ชิด รวมถึงรอดูท่าทีและการตอบโต้จากพันธมิตรชาติตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด
ล่าสุด ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศวานนี้ (22 กุมภาพันธ์) อย่างชัดว่า สหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจหรือการคว่ำบาตรเพิ่มต่อธนาคารและสถาบันการเงิน พันธบัตรรัฐบาลรัสเซีย ตลอดจนเหล่าผู้มีอำนาจทั้งหลายของรัสเซีย หลังรัสเซียรับรองสถานภาพรัฐอิสระของเขตปกครองทางตะวันออกของยูเครนและสั่งเคลื่อนกำลังพลเข้าพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่ผู้นำในกลุ่มพันธมิตรคาดหวังว่าแรงกดดันที่ส่งตรงถึงรัฐบาลรัสเซียทั้งหมดจะช่วยหยุดยั้งเหตุรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบในอนาคตได้
ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า การกระทำของรัสเซียถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง และยังถือเป็น “การเริ่มต้นของการรุกรานยูเครนของรัสเซีย”
นอกจากนี้ข้ออ้างส่งทหารลงพื้นที่เพื่อเข้าไปดูแลความสงบร้อยเป็นข้ออ้างที่ไม่มีใครโง่หลงเชื่อ พร้อมเตือนว่า สหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการลงโทษอื่นๆ เพิ่มเติม หากผู้นำรัสเซียยังเดินหน้ารุกคืบเข้าไปในยูเครนต่อ
ไบเดนยังเปิดเผยอีกว่า ได้มีคำสั่งเคลื่อนกำลังพลสหรัฐฯ ไปยังพื้นที่ประเทศแถบทะเลบอลติกเรียบร้อยแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมกับกองกำลังของกลุ่ม NATO ที่ตั้งขนาบพรมแดนทางตะวันออกซึ่งติดกับรัสเซียอยู่ ก่อนประกาศว่า หากรัสเซียเดินหน้ารุกคืบยูเครนต่อ สหรัฐฯ เองก็มีแผนเคลื่อนไหวต่อไปเตรียมไว้แล้วเช่นกัน
รายงานระบุว่า มาตรการลงโทษเพิ่มเติมที่สหรัฐฯ ประกาศดำเนินการล่าสุดนี้พุ่งเป้าไปยังธนาคารต่างๆ ที่มีสัญชาติรัสเซียและตัวพันธบัตรรัสเซียเป็นหลัก
ทั้งนี้ มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจชุดใหม่ของสหรัฐฯ นั้นมีออกมาหลังจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศ ลงมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (23 กุมภาพันธ์) ในการดำเนินการลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐบาลรัสเซียทั้งหลายที่มีส่วนร่วมในการยกระดับวิกฤตยูเครน
ขณะที่ก่อนหน้านี้ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย โดยคว่ำบาตรธนาคารรัสเซีย 5 แห่ง รวมทั้งนักธุรกิจชาวรัสเซีย 3 คน เพื่อตอบโต้มาตรการทางทหารของรัสเซีย
อ้างอิง: