×

อุ่นเครื่องให้ร้อนกับสมิทธิ เพียรเลิศ คนที่พา Liam Gallagher และ Foster The People มาระเบิดความมันที่เมืองไทย

11.01.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • สมิทธิ เพียรเลิศ คือโปรโมเตอร์จัดคอนเสิร์ตรุ่นใหม่ที่ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการพาศิลปินระดับโลกอย่าง เลียม แกลลาเกอร์ และ Foster The People มาแสดงที่ประเทศไทย เพราะเชื่อว่า 2 ศิลปินนี้จะนำเสนอตัวตนของเขาและบริษัท The Very Company ได้ดีที่สุด
  • สมิทธิใช้เวลาถึง 3 เดือนในการจีบเลียม แกลลาเกอร์ จนยอมมาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย
  • สมิทธิเชื่อว่าต่อให้พฤติกรรมการเสพสื่อของคนเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่วัฒนธรรมการดูคอนเสิร์ตเท่านั้นที่จะไม่มีวันตายจากโลกนี้ไปอย่างแน่นอน

 

 

กว่า 1 เดือนที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนคงเคยผ่านตากับภาพโปสเตอร์สีชาที่มีใบหน้ากวนๆ ของร็อกไอคอน อดีตนักร้องนำวง Oasis อย่าง เลียม แกลลาเกอร์ ในวัย 45 ปะทะเด่นอยู่กลางภาพ พร้อมคำประกาศตัวหนาที่ทำให้แฟนเพลงตื่นเต้นว่า LIVE IN BANGKOK! ตำนานที่ยังหายใจคนนี้จะมาเปิดคอนเสิร์ตเดี่ยวของตัวเองที่เมืองไทยเป็นครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 12 มกราคม (ใครยังไม่ได้ซื้อบัตรต้องรีบแล้วนะ)

 

ต่อเนื่องในเดือนเดียวกัน 4 หนุ่มอินดี้ป๊อป Foster The People เจ้าของเพลง Pumped Up Kicks กำลังจะบินลัดฟ้าจากอเมริกามาเปิดคอนเสิร์ตครั้งแรกในประเทศไทยในวันที่ 28 มกราคม

 

ทั้ง 2 ดีลคอนเสิร์ตที่น่าตื่นเต้นนี้เป็นผลงานของ สมิทธิ เพียรเลิศ แห่ง The Very Company โปรโมเตอร์คอนเสิร์ตรุ่นใหม่ ที่แค่เริ่มต้นก็จัดเต็มเล่นท่ายากอย่างน่าจับตามองดีลต่อไปนับจากนี้

 

เพื่ออุ่นเครื่องก่อนคอนเสิร์ตแรกของเลียมที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ THE STANDARD ชวนสมิทธิมาพูดคุยถึงจุดเริ่มต้น มุมมอง ไปจนถึงทิศทางดีลคอนเสิร์ตที่อยู่ในแผนของเขาต่อจากนี้ ซึ่งเราเชื่อว่าเมื่อเริ่มต้นมาดี เขาก็น่าจะมีเรื่องตื่นเต้นเตรียมมาเซอร์ไพรส์แฟนเพลงชาวไทยอีกเรื่อยๆ  

 

 

The Very Company สื่อเพลงครบวงจร

จุดเริ่มต้นของผมคืออยากทำให้ The Very Company เป็นสื่อเพลงแบบครบวงจร เริ่มต้นจาก Very TV เมื่อ 5 ปีที่แล้ว Very Radio ที่เป็นคลื่นวิทยุออนไลน์ มี The Very Show ที่ทำรายการโทรทัศน์ออนไลน์ แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่คือการจัดคอนเสิร์ตของตัวเอง ซึ่งตอนนี้คิดว่าเรามีสื่อในมือที่สามารถโปรโมตด้วยตัวเองได้เพียงพอ ประกอบกับเทรนด์วงการเพลงที่คนกลับมาดูคอนเสิร์ตมากขึ้น แล้วผมเองก็อยากทำเพราะชอบฟังเพลงสากลและเติบโตมากับการดูคอนเสิร์ตของคุณพ่อมาตั้งแต่เด็ก  (อิทธิวัฒน์ เพียรเลิศ ผู้ก่อตั้งบริษัท Nite Spot โปรโมเตอร์ระดับตำนานที่เคยนำศิลปินดังระดับโลกมาเปิดคอนเสิร์ตที่เมืองไทยมากมายในช่วงยุค 70s-80s อาทิ Sherbet, Blondie, Cliff Richard, Glen Campbell, Johnny Mathis โดยเฉพาะคอนเสิร์ต David Bowie: Serious Moonlight Tour (2526) ที่กลายเป็นตำนานคอนเสิร์ตต่างประเทศในไทยจนถึงทุกวันนี้) ผมเลยคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มโปรเจกต์คอนเสิร์ตที่คิดเอาไว้ให้เกิดขึ้นมาสักที  

 

 

Liam Gallagher และ Foster The People ก้าวแรกที่น่าตื่นเต้น

พอเป็นคอนเสิร์ตแรกๆ เราต้องคิดกันเยอะมาก เพราะนั่นหมายถึงการนำเสนอตัวตนการจัดคอนเสิร์ตของ The Very Company ด้วยว่าจะไปในทิศทางไหน ซึ่งสิ่งที่ผมคิดเอาไว้คือเราอยากเน้นเพลงที่ดี ไม่จำเป็นต้องติดชาร์ตหรือขายได้ถล่มทลาย แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเข้าถึงกลุ่มคนฟังได้ไม่ยากเกินไป เรียกว่ามีความป๊อปที่ไม่ได้เป็นเชิงตลาดมากเกินไป ซึ่งโจทย์แรกของเราคือ Foster The People เพราะมีแนวทางของตัวเองชัดเจน มีเพลงที่ดี เพลงที่เพราะ เพลงที่คนร้องได้ทั้งประเทศอย่าง Pumped Up Kicks ซึ่งเหมาะมากที่จะใช้ในการเปิดตัว

 

ส่วน เลียม แกลลาเกอร์ เป็นความโชคดีที่เรารู้ว่าเขาจะเล่นคอนเสิร์ตที่อินโดนีเซีย แล้วคิดขึ้นมาทันทีว่าถ้าสามารถพาเขามาเล่นที่เมืองไทยได้ The Very Company จะดังทันที ถึงแม้ทุกวันนี้คนจะไม่มองว่าเขาเป็นอินดี้แล้ว แต่สำหรับผมเขาคือเจ้าพ่ออินดี้อันดับ 1 เขาเริ่มต้นมาจากตรงนั้น รวมทั้งการแสดงออก การทำเพลง นั่นคือนิยามของความเป็น Independent เขาคือประวัติการณ์ของอินดี้จริงๆ

 

 

ในวันที่ความฝันเป็นจริง เมื่อเลียม แกลลาเกอร์ตอบตกลง

ผมใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการติดต่อผ่านเอเจนต์ของเขาที่อังกฤษ โดนปฏิเสธ โดนเงียบ ก็ใช้วิธีจีบไปเรื่อยๆ แต่ไม่คิดว่าจะหยุด เพราะอย่างที่บอกว่านี่คือแบรนดิ้งของ The Very Company แล้วคนแบบเลียมไม่มีใครสามารถบังคับให้เขาไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหนได้อยู่แล้ว เลยใช้วิธีตื๊อไปเรื่อยๆ จนไม่รู้อะไรไปดลใจให้เขาตอบรับมา มีเวลาให้ 2 เดือนในการเตรียมตัว เราก็ เฮ้ย เป็นจริงเหรอวะ ฝันของเราเป็นจริงแล้ว

 

เลียม แกลลาเกอร์ ชื่อนี้เหมือนอยู่ในความฝัน บางคนแค่คิดก็ไม่กล้าแล้วว่าเขาจะมีเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทย ผมว่าทุกวันนี้มีอยู่ไม่กี่คนหรอกที่เป็นเหมือนตำนานที่ยังมีลมหายใจแบบนี้ พูดจริงๆ เลยนะ ต่อให้ผมจัดคอนเสิร์ตดังๆ ป๊อปๆ คนอื่น ขายบัตรได้เยอะกว่านี้แน่ๆ ผมก็ไม่ภูมิใจเท่าจัดคอนเสิร์ตเลียมที่ขายบัตรได้น้อยกว่านะ ไม่ได้บอกว่าเพลงแบบไหนดีหรือไม่ดียังไง แต่นี่มันคือรสนิยม มันคือตัวตนของเรา อยากเลือกแล้วที่จะทำแบบนี้และนำเสนอ The Very Company ในแบบนี้

 

การวิเคราะห์ที่แม่นยำคือความท้าทายของโปรโมเตอร์จัดคอนเสิร์ต

การจัดคอนเสิร์ตนี่มันยากแล้วก็ต้องคิดเยอะมากเหมือนกันนะครับ เพราะเงินลงทุนไม่ใช่น้อยๆ ค่าตัวแต่ละคนก็ไม่ใช่ถูก ถ้าล้มจริงเราเจ็บหนักแน่ๆ ยิ่งเราไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะจัดคอนเสิร์ตเพื่อหวังรวย แต่อยากจัดคอนเสิร์ตที่เราเองอยากเห็นด้วย คือต้องได้ทั้งเงินและกล่องประมาณหนึ่ง เพราะฉะนั้นเราเลยต้องเตรียมตัวหลายอย่าง

 

โชคดีที่เรามีคอนเน็กชันมาจากตอนทำ MTV และ Channel [V] Thailand และเคยจัดคอนเสิร์ตพวก Slipknot กับ Tahiti 80 มาบ้าง รวมทั้งสื่อเกี่ยวกับเพลงทั้งหมดที่กำลังทำอยู่ ทำให้พอมีผลงานและประสบการณ์ไปคุยกับศิลปินต่างๆ ได้ อีกทั้งคอนเน็กชันต่างๆ ที่ทำให้เรารู้ความเคลื่อนไหวของวงการดนตรีตลอดเวลา ตอนนี้สถานการณ์ของแต่ละวงเป็นยังไง เดี๋ยวจะมีทัวร์คอนเสิร์ตที่ไหน เมื่อไร หมายถึงยิ่งเรามีข้อมูลตรงนี้มากเท่าไรก็ยิ่งได้เปรียบมากเท่านั้น

 

สุดท้ายที่สำคัญคือการรีเสิร์ชตลาดคนฟังเพลงของเรา ซึ่งผมต้องฟังเพลงทุกวัน ฟังเพลงตลอดเวลา ก็จะพอรู้ทิศทางว่าเทรนด์เป็นยังไง แล้วการมีคลื่นวิทยุออนไลน์ก็ช่วยได้มาก เพราะเราจะรู้ได้หมดเลยว่าคนฟังเราเป็นคนยังไง อาศัยอยู่ที่ไหน เขาฟังเพลงอะไรกันบ้าง สุดท้ายต้องเอาทุกอย่างที่ผมพูดมาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ให้แม่นยำที่สุด ตอนนี้โชคดีที่เลียมกับ Foster The People เราสามารถขายบัตรไปถึงจุดที่มีกำไรได้แล้ว แต่ในอนาคตก็ยังต้องลองผิดลองถูกกันต่อไป  

 

 

‘คอนเสิร์ต’ เพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ไม่มีวันตาย

ผมคิดว่าเสน่ห์ของคอนเสิร์ตอยู่ที่มันคือการแสดงที่ไม่มีวันตาย ต่อให้วิทยุ โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์จะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน แต่คอนเสิร์ตยังเป็นพื้นฐานของเอ็นเตอร์เทนเมนต์เหมือนเดิม ถ้าเรามีศิลปินที่ดี มีโชว์ที่น่าสนใจยังไงคนก็ไปดู คอนเทนต์มันอาจจะจบลงในกี่ไม่ชั่วโมงที่เราได้ไปดูนะ แต่ความรู้สึกประทับใจที่คนดูได้รับมันจะอยู่กับเขาไปตลอด เหมือนที่คุณพ่อของผมเคยพาเดวิด โบวีมาเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ทุกวันนี้ก็ยังเป็นตำนานของคอนเสิร์ตที่หลายคนยังนึกถึงกันอยู่       

    

ในฐานะโปรโมเตอร์จัดคอนเสิร์ตของผมเองก็เหมือนกัน ทุกวันนี้ก็ยังรออยู่นะครับ ว่าเมื่อไรจะมีสักคอนเสิร์ตที่ทำให้เราได้ความรู้สึกแบบนั้นบ้าง คิดว่านั่นคือจุดสูงสุดของการจัดคอนเสิร์ตแบบที่คุณพ่อของผมได้เคยทำเอาไว้

FYI
  • VRZO เคยเปิดตัวในฐานะรายการหนึ่งของช่อง Very TV ที่สมิทธิเป็นคนดูแล ก่อนจะกลายเป็นผู้ผลิตรายการออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา
  • วงดนตรีที่สมิทธิชอบมากที่สุดชนิดที่ฟังกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อมีอยู่ 2 วง คือ The Beatles และ Radiohead ส่วนเรื่องการแสดงคอนเสิร์ต เขายกให้ Muse คือวงดนตรีที่มีเพอร์ฟอร์แมนซ์ดีที่สุดในเวลานี้
  • ก่อนหน้าวง Foster The People จะมาเปิดคอนเสิร์ตที่เมืองไทย สมิทธิได้ติดต่อกับ Kodaline วงอัลเทอร์เนทีฟร็อกสัญชาติไอร์แลนด์เอาไว้ แต่ติดปัญหาบางอย่างทำให้ไม่สามารถปิดดีลนี้ได้
  • สมิทธิแอบกระซิบกับ THE STANDARD ว่า ให้แฟนเพลงสากลเตรียมตัวให้พร้อม เพราะช่วงหลังเดือนเมษายนเป็นต้นไป เขาได้เตรียมนำเข้าศิลปินต่างประเทศที่ทุกคนได้ยินแล้วต้องเซอร์ไพรส์ให้มาเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยไว้แล้วอย่างน้อย 2 วงด้วยกัน
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising