×

เคว้ง EP.1 เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย ภาพสวย น่าติดตาม มีช็อกตั้งแต่ต้น

14.11.2019
  • LOADING...
เคว้ง

THE STANDARD POP มีโอกาสเข้าไปชมซีรีส์ เคว้ง (The Stranded) ออริจินัลคอนเทนต์เรื่องแรกของไทยใน Netflix EP.1 ในงานแถลงข่าวเปิดตัว และเก็บความรู้สึก ความน่าสนใจ และจุดที่กังวลใจเล็กๆ น้อย  

 

มาให้อุ่นเครื่องนับถอยหลังอีกไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่ทุกคนจะได้ไขปริศนา เอาชีวิตรอดบนเกาะลึกลับไปพร้อมๆ กับวัยรุ่นทั้ง 36 คนที่ต้องมาใช้ชีวิต เอาตัวรอดร่วมกัน และเปิดเผยสัญชาตญาณดิบที่อยู่ในจิตใต้สำนึกที่ไม่เคยเปิดเผยออกมาให้คนทั้งโลกได้รับชมพร้อมกันแบบ 7 ตอนรวดในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ 

 

ยอมรับว่าระหว่างที่ดู เคว้ง เรายังคิดถึงซีรีส์เอาชีวิตรอดบนเกาะสุดคลาสสิกอย่าง Lost อยู่เป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้มองเห็นว่านี่คือจุดอ่อน เพราะถ้าว่ากันตามตรงก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะเล่าเรื่องแนวนี้ให้ฉีกขาด สดใหม่ได้แบบ 100% 

 

กลายเป็นว่าความสนุกของการดูซีรีส์เคว้ง คือการติดตามว่าตัวละคร ‘วัยรุ่นไทย’ กลุ่มนี้จะมีความคิด การแสดงออก และการตัดสินใจอย่างไร เมื่ออยู่ในสถานการณ์บีบคั้น กดดันแบบที่เราคุ้นเคย และเราเชื่อว่า ถ้านำพล็อตการเอาตัวรอดบนเกาะ ไปเล่าในแบบของคนเชื้อชาติอื่นๆ ก็จะได้รสชาติที่แตกต่าง ไม่ซ้ำแบบกัน

 

เพราะความสดใหม่ของซีรีส์ประเภทนี้ ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถดึงเอา ‘สัญชาตญาณดิบ’ ของตัวละครทั้งหมดออกมาโน้มน้าว ชักจูง ให้คนดูเอาใจช่วยไปกับพฤติกรรมที่น่ารักบ้าง ไม่น่ารักบ้าง ไปได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งถ้าดูจากองค์ประกอบหลายๆ อย่างใน EP.1 ก็พอจะมองเห็น ‘ความเป็นไปได้’ หลายอย่างที่น่าจะทำให้ เคว้ง เดินทางไปถึงจุดนั้นได้ 

 

เริ่มต้นจากออกแบบตัวละครได้น่าสนใจ ตอนแรกเราแอบหวั่นใจเล็กน้อยตอนรู้ว่าเคว้ง จะโฟกัสที่ประเด็นวัยรุ่นเป็นหลัก กลัวว่าความพลุ่งพล่าน เลือดร้อน และจังหวะบางอย่างอาจทำให้เราจูนกับตัวละครไม่ติด แต่ก็สบายใจขึ้นที่ซีรีส์เลือกที่จะเปิดด้วยภาพลักษณ์ของแต่ละคนที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ (อย่างน้อยก็ใน EP.1) ไม่มีจังหวะโฉ่งฉ่างให้หงุดหงิดเท่าไรนัก (แต่หวังว่าจะพลุ่งพล่านไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อยๆ) 

 

จะติดอยู่เล็กน้อยก็ตรงตัวละครคู่หนึ่งที่คิดว่าพยายามเน้นให้เห็นถึงความ ‘เปิดกว้าง’ ตามยุคสมัยจนเราตามไม่ทัน และยังไม่เชื่ออยู่บ้าง ผิดกับคู่รัก LGBT ที่นำเสนอด้วยท่าทีเป็นมิตร เป็นธรรมชาติ สามารถเปิดเผยตัวตนได้เต็มที่ไม่ต้องปิดบัง ซึ่งทำออกมาได้น่าประทับใจ 

 

นักแสดงอย่าง โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์, มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล ก็ทำได้ดีตามมาตรฐาน แพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช ออร่าจับและเก็บรายละเอียดได้ดี (ส่วนตัวเรายกให้เป็น MVP ของเรื่อง) ส่วน บีม-ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์ ที่รับบทเป็น คราม ตัวละครหลักใน EP.1 มีบทเยอะ แต่ยังไม่มีฉากแสดงอารมณ์มากนัก ยกเว้น ‘ดวงตา’ ที่มีเสน่ห์ น่าค้นหา และน่าสนใจ 

 

รวมทั้งตัวละครอื่นๆ อย่างบทของ ชาลีดา กิลเบิร์ต ที่เป็นเหมือนเฮอร์ไมโอนีแห่งเกาะปินตู, คู่หู วิน-ภวินท์ กุลการัณยวิชญ์ และ แทนไท-ธัชพล ธิติอภิชัย ที่มองทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก ก็สร้างสีสัน (รวมทั้งปัญหาในอนาคต) ได้ดี ฯลฯ 

 

อีกหนึ่งเรื่องที่เราชอบมากๆ คือ ความกล้า ที่จะเซอร์ไพรส์คนตั้งแต่ต้นแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งดูแล้วก็แอบคิดว่าอยากให้มีฉากแบบนี้เกิดขึ้นอีกเยอะๆ! 

 

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คืองานด้านโปรดักชันดีไซน์ และวิชวลเอฟเฟกต์ ที่ทำได้ดีมากๆ ถ่ายภาพสวย ออกแบบฉากสมจริง งาน CG ก็เนียนตา ไม่มีจุดติดขัด จนรู้สึกว่าอยากให้คนไทยได้ร่วมงานกับทีมงานระดับโลกแบบนี้อีกเยอะๆ จะช่วยยกระดับมาตรฐานของหนัง ละคร ซีรีส์เราได้อีกมากจริงๆ 

 

ส่วนจุดที่รู้สึกติดใจ คือการเลือกใช้เพลงประกอบในซีนสำคัญช่วงท้ายที่รู้สึกว่า ช่วยบิลด์อารมณ์และบรรยากาศได้ไม่มากเท่าที่ควร มีจุดสังเกตเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่รอการเฉลยใน EP. ต่อๆ ไปอยู่ว่าเป็นความผิดพลาดหรือตั้งใจ รวมทั้งภาพของตัวละครที่ยังดูดีสะอาดสะอ้าน ไร้ริ้วรอยของการผจญภัย ทั้งที่ในซีรีส์บอกว่าใช้ชีวิตบนเกาะมาแล้ว 25 วัน  

 

กับอีกส่วนที่เป็นกังวลคือ การที่ซีรีส์ทิ้งประเด็น และจุดสังเกตต่างๆ ไว้เยอะมากตั้งแต่ EP.1 ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน, คนรัก, ครอบครัว, ย้อนอดีต, การเอาตัวรอด, การยึดครองอำนาจ, ความขัดแย้งในกลุ่ม, ปริศนา, เรื่องลี้ลับบนเกาะ ฯลฯ

 

ที่ยอมรับว่าเรายังนึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าจะออกมาในทิศทางไหน เพราะถ้าดูจาก EP. แรก ก็จะเห็นว่ามีการเล่าเรื่อง ตัดสลับแบบย่นย่อและรวดเร็วอยู่พอสมควร 

 

ซึ่งเหลือเวลาอีก 6 EP. ให้พวกเราค้นหาคำตอบพร้อมกันในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้   

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising