×

‘ชฎาทิพ’ แม่ทัพใหญ่ ‘สยามพิวรรธน์’ ชี้บริบททั่วโลกเปลี่ยน ชู ‘รีแบรนดิ้งท่องเที่ยวไทย’ เป็นทางออกสำหรับทั้งอุตสาหกรรม

26.11.2022
  • LOADING...
สยามพิวรรธน์

‘ชฎาทิพ’ แม่ทัพใหญ่ ‘สยามพิวรรธน์’ ชี้บริบททั่วโลกเปลี่ยน การแข่งขันมาจากรอบทิศ ระบุ What’s Next สำหรับการท่องเที่ยวไทยต้องเปลี่ยนรูปแบบและรีแบรนดิ้งทั้งอุตสาหกรรม รวมถึงสร้างทีมเวิร์ก ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนต้องร่วมมือกันรักษาแชมป์

 

ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ กล่าวในงาน ECONOMIC FORUM 2022 บนเวที ‘ประเทศไทยยืนอยู่ตรงไหนของเวทีโลก วางยุทธศาสตร์อย่างไรไม่ให้ตกขบวน’ ว่า อุตสาหกรรมในไทยมีการท่องเที่ยวเป็นตัวดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามา รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก ศูนย์การค้าเราแข็งแกร่งมากที่สุดในอาเซียน 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


เห็นได้จากในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ศูนย์การค้าในกลุ่มสยามพิวรรธน์ ต้องปิดให้บริการ จึงปรับตัวหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล ต้องยอมรับว่าในช่วงนั้นค่อนข้างกังวล และประเมินว่ายอดขายจะหายไป แต่ในความเป็นจริงคือกลับมียอดขาย โดยหลักๆ มาจากการจับจ่ายของกลุ่มลูกค้าคนไทยที่ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ ทั้งนี้ ในช่วงก่อนหน้านี้ มีการซื้อสินค้าในต่างประเทศรวมๆ มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท 

 

จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ศูนย์การค้ามียอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสยามพารากอน ปัจจุบันยอดขายกลับมาเทียบเท่าช่วงก่อนโควิดแล้วจนได้รับขนานนามว่าเป็นประเทศไฮเปอร์เซล ถือว่าชนะฮ่องกง

 

ขณะเดียวกัน ธุรกิจค้าปลีกยังแข็งแกร่งมาก แบรนด์จากหลายๆ ประเทศ ต้องการเข้ามาลงทุนเปิดร้านใหม่ๆ สิ่งเหล่านั้นจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนเข้ามาในไทย 

 

แม่ทัพใหญ่สยามพิวรรธน์ กล่าวต่อถึงภาคการท่องเที่ยวไทยมี Super Power 5 ประการสำคัญ ประกอบด้วย

1. ไทยเริ่มต้นวางฐานรากให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมาตั้งแต่ 50 ปีที่ผ่านมา โดยมีองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้การสนับสนุน ขณะนั้นมีทีมงานราวๆ 40 คน จนถึงปัจจุบันมีเน็ตเวิร์กที่ดีทั้งหมด จุดแข็งของไทยคือเริ่มต้นก่อน ซึ่งเราเป็นผู้นำ ไม่ใช่ผู้ตาม 

 

  1. หลายปีที่ผ่านมาไทยชูวัฒนธรรมที่เอกลักษณ์ออกสู่สายตาคนทั่วโลกได้สำเร็จ

 

  1. ท่ามกลางประเทศที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งเวียดนาม กัมพูชา และลาว โดยไทยอยู่ศูนย์กลาง ต้องมีจุดแข็งเรื่องโลเคชัน ควบคู่กับการต่อยอดพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง พร้อมกับทำการตลาดดึงให้ต่างชาติเข้ามา 

 

  1. ภาคเอกชนต้องมีเน็ตเวิร์ก หรือแม้แต่สมาคมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต้องแข็งแรงและสปีดตัวเองให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ประเทศไทยนับได้ว่าโชคดีที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับภาคการท่องเที่ยว โดยที่ผ่านมา สามารถสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศได้อย่างมาก

 

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งสำคัญในภาคการท่องเที่ยวคือ คนไทย ซึ่งนับได้ว่าเป็นสินทรัพย์ที่ดี โดยคนไทยสามารถสร้างซอฟต์พาวเวอร์ได้ 

 

“แม้ไทยจะมีวัฒนธรรมที่ดี แต่ถ้าไม่ได้รับการบริการที่ดีจากคนไทย ภาคการท่องเที่ยวคงมาไม่ถึงวันนี้ สิ่งเหล่านี้คือบุญมหาศาลที่เราทำได้ดี จนขึ้นแท่นเป็นที่ 1 ของโลก”  

 

ทั้งนี้ แม้ปัจจุบันภาคท่องเที่ยวของไทยจะเป็นผู้ชนะ แต่สิ่งสำคัญลำดับถัดไป หรือ What’s Next ในวันที่โลกเปลี่ยน คือการเริ่มต่อยอดและเปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ โดยกำหนดกลยุทธ์ที่ชัดเจน เริ่มจากการมองประเทศไทยเป็นองค์กรที่ต้องรีแบรนดิ้งให้มีจุดยืนชัดเจนขึ้น เพื่อสร้างเรื่องราวและประสบการณ์ใหม่ๆ สื่อสารไปถึงทั่วโลก โดยทุกคนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนต้องร่วมมือกัน ถึงจะสามารถครองแชมป์ไว้ได้

 

ชฎาทิพกล่าวว่า การรักษาแชมป์ไม่ใช่เรื่องง่าย และในอีก 2 ปีข้างหน้า การครองแชมป์จะยากกว่าการแซงคนอื่นขึ้นไป ดังนั้น เรื่องการท่องเที่ยวต้องทำนโยบายเชิงรุก ไม่ใช้กินบุญเก่า โดยที่ผ่านมาภาครัฐมีนโยบายการท่องเที่ยวออกมาต่อเนื่อง แต่ติดปัญหาคือไม่มีแผนงานที่ชัดเจน และไม่สามารถติดตามแผนที่วางไว้ได้ ต้องวางแผนกระบวนการทำงานใหม่ให้เป็นสเต็ปๆ ไป 

 

นอกจากนี้ สินค้า OTOP ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ต้องปรับตัว ปัจจุบันมีหลายกระทรวงดูแล ต่างคนต่างทำต้องปรับใหม่ หันมาทำงานร่วมกับเอกชนเพื่อนำข้อมูลที่เอกชนเก็บรวบรวมเอาไว้ มาใช้วิเคราะห์ความต้องการผู้บริโภคเพื่อพัฒนาสินค้าให้แตกต่างจากตลาดและตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้อย่างตรงจุด 

 

ที่สำคัญต้องทำงานเป็นทีมถึงจะสำเร็จ ยกตัวอย่าง หากมีโอกาสที่ต่างชาติเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย เราจะสนับสนุนอย่างไร ทั้งในแง่สถานที่หน่วยงานรับผิดชอบรวมไปถึงการหาวิธีสอดแทรกเนื้อหาเข้ามาเพื่อสื่อสารถึงประเทศ รวมถึงการนำสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่กำลังโด่งดังจากทั่วโลกมาเชื่อมกับความเป็นไทย เพื่อดึงความสนใจจากนักท่องเที่ยว

 

นอกจากจะดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว ยังต้องสร้างการลงทุนในระยะยาวเพื่อผลักดันทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (Hub) ในเอเชียให้ได้ เนื่องจากไทยมีความสะดวกรอบด้าน ทั้งโรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล ค่าเช่าบ้านราคาถูก อย่างไรก็ตาม การจะให้ต่างชาติย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานและทำการค้า ภาครัฐต้องปรับเรื่องกฎหมาย เพื่อรองรับสิ่งเหล่านี้

 

ท้ายที่สุด เชื่อว่าไทยมีโอกาสเป็นดาวรุ่งได้ แต่เราจะสะดุดขาตัวเอง หากไม่เป็นทีมเวิร์ก ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนต้องมองเป้าหมายเดียวกัน ที่สำคัญต้องมีนโยบาย ทำทุกอย่างให้ชัดเจน โปร่งใส่ และรวดเร็ว

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising