×

อ่านกระบวนท่า เพื่อปรับกระบวนทัพรับมือเศรษฐกิจขาลง ผ่านบทเรียน ‘New SMEs Landscapes หาโอกาสธุรกิจบนความถดถอย’ จาก THE SME HANDBOOK Season 6 [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
02.05.2023
  • LOADING...
New SMEs Landscapes

ต้องยอมรับว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของปี 2566 สำหรับ SMEs ไม่ค่อยดีนัก กำลังซื้อหด ทิศทางการเติบโตไม่ราบรื่นเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมการค้าและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง จะทำอย่างไรให้ธุรกิจ SMEs ขนาดกลางที่กำลังขยับขยายธุรกิจยังคงผลักดันตัวเองให้โตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในภาวะเช่นนี้

  

หรือภาพที่เห็นนั้นไม่ใช่ความจริงทั้งหมดที่ปรากฏ เคน-นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และบรรณาธิการบริหาร THE STANDARD จะมาร่วมฉายภาพและทำความเข้าใจกับโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป 

 

อะไรคือความเสี่ยง และอะไรคือโอกาสหากเราปรับตัวได้ทัน เพราะการมองเกมให้ขาด อ่านสถานการณ์ที่ซับซ้อนให้เป็นในโลกธุรกิจที่เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกวัน คือบทเรียนพื้นฐานสำคัญที่คนทำธุรกิจพึงมี

 


ภาพรวมเศรษฐกิจ ‘โอกาสมากกว่าความเสี่ยง’ อย่าเลี่ยงที่จะคว้า 

 

นครินทร์ฉายภาพโอกาสที่เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะสำหรับ SMEs ซึ่งอยู่ในตลาดที่การแข่งขันค่อนข้างสูง ยิ่งอยู่ในอุตสาหกรรมที่ใครก็สามารถเข้าสู่ตลาดได้ง่าย ยิ่งต้องหาจังหวะของตัวเองให้ดี เพราะเมกะเทรนด์สามารถสร้างคู่แข่งใหม่ๆ ได้ทุกเมื่อ

 

โอกาสแรกที่ต้องมองให้ออกคือ ‘Deaverage’ อย่ามองแค่ค่าเฉลี่ย นครินทร์ยกตัวอย่างคำที่ อ.ธนัย ชรินทร์สาร เคยกล่าวไว้ พร้อมบอกว่า หากดูแค่ค่าเฉลี่ยที่เห็นตามข่าวทุกวัน จะมีแต่ข่าวร้ายๆ เช่น การเลย์ออฟของฝั่งเทค เศรษฐกิจถดถอย หรือสงครามยูเครน-รัสเซีย แต่ไม่ใช่ทุกเซกเตอร์จะโดนผลกระทบเหมือนกัน โดยเฉพาะประเทศไทยที่ฟื้นตัวช้ากว่าคนอื่น

 

“ปีนี้เราอยู่ในช่วงฟื้นตัว นักท่องเที่ยวกำลังกลับเข้ามา คนในประเทศกำลังจะกลับมาใช้จ่ายกันมากขึ้น ถ้าคุณไม่ได้ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศก็อาจไม่โดนผลกระทบมาก แต่ถ้าเป็นธุรกิจส่งออกหรือนำเข้าอันนี้กระทบแน่นอน เพราะโดยภาพรวมแล้วต้นทุนสินค้า โดยเฉพาะเรื่องพลังงานยังคงสูงอยู่ เงินเฟ้ออาจจะลดลงบ้าง แต่จะไม่กลับไปสู่จุดเดิม โดยเฉพาะเรื่องราคาพลังงานและสินค้าอุปโภค-บริโภค หลายเซกเตอร์ก็ขึ้นแล้วขึ้นเลย เพราะฉะนั้นถ้าเกิดคุณต้องนำเข้าสินค้าเข้ามา ก็ต้องพิจารณาดีๆ อันนี้คือข้อแรก”

 

เมกะเทรนด์ที่ต้องตามให้ทันคือ ‘Sustainability’ นครินทร์บอกว่า นี่คือโอกาสที่ห้ามปล่อยผ่าน เพราะกระทบกับหลายภาคส่วน ธุรกิจขนาดใหญ่ปรับตัวสู่ Sustainability แล้ว สำหรับ SMEs ถ้ามองรอบตัวจะเห็นว่าคนที่อยู่ในซัพพลายเชนเดียวกันเริ่มปรับตัวกันแล้ว ถ้าปรับไม่ทันอาจตกชั้นไปอยู่ลำดับท้ายๆ ในอุตสาหกรรมหรือถูกตัดออกจากห่วงโซ่ไปเลยก็เป็นได้

 

“Sustainability เป็นเรื่องที่ต้องมองกันในระยะยาว แต่ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ เพราะ Sustainable Transformation เป็นเรื่องที่ใช้เวลาในการทำ มันต้องการความรู้และทักษะหลายภาคส่วน ต้องการมาตรวัดหลายรูปแบบ เพื่อลองดูว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างไร เรื่องนี้ช้าไปก็ไม่ได้ เร็วไปก็ไม่ดี แต่ไม่เริ่มไม่ได้”

   

โอกาสข้อที่ 3 คือเรื่อง ‘เทรนด์ดิจิทัล’ ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องของเทคโนโลยี นครินทร์แนะว่า ถึงเวลาที่ SMEs ต้องถามตัวเองว่า ได้นำเทคโนโลยีมาใช้มากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ไม่เริ่มไม่ได้ แต่ไม่เร่งไม่ได้ ต้องเร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะธุรกิจทั้งโลกมันมุ่งไปในทางนี้ทั้งหมดและมันจะแรงมากขึ้นเรื่อยๆ  

 

 

‘สุขภาพ’ คือประเด็นต่อมาที่นครินทร์ชวนหันกลับมาค้นหาโอกาส “สำหรับผม มองมุมหนึ่งก็เป็นความเสี่ยง เพราะร่างกายคนเรามันเสื่อมถอยลงทุกวัน แล้วแรงงานเราจะเป็นอย่างไร แต่มองอีกมุมหนึ่งก็ถือว่าเป็นโอกาสมากๆ เท่าที่คุยกับนักธุรกิจอสังหาหลายราย ผมกล้าพูดเลยว่าไม่มีรายไหนไม่สนใจเรื่องสุขภาพ อยู่ที่ว่าเขาสนใจมุมไหน อาจจะทำเป็น Wellness Center หรือไปร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์คนอื่น บอกได้เลยว่า ทุกธุรกิจในตอนนี้สนใจเทรนด์สุขภาพหมดและมีหลายมุมมอง เพราะ Ecosystem มันใหญ่มาก”

 

นครินทร์ชี้ให้เห็นว่า เทรนด์สุขภาพเติบโตอย่างมากจากความกังวลเรื่องสุขภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเชื่อมโยงกับเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของประชากร ทั้งในมุมของสังคมผู้สูงอายุที่มีมุมมองไม่เหมือนเดิม เป็นผู้สูงวัยที่แข็งแรงและอายุยืน เพราะเทคโนโลยีทางการแพทย์ดีขึ้น ออกไปใช้จ่าย ท่องเที่ยว ทำให้วิธีคิดต่างๆ มันเปลี่ยนไป และอาจทำให้เกิดมินิเทรนด์ที่แตกแยกย่อยออกไปอีก เช่น เทรนด์สัตว์เลี้ยง เทรนด์ปลูกต้นไม้ และเทรนด์ท่องเที่ยว 

 

อีกมุมของเรื่องการเปลี่ยนแปลงของประชากรคือ ‘คนรุ่นใหม่’ โดยเฉพาะ Gen Z ที่กำลังเติบโตขึ้นมาเป็นทั้งแรงงานหลัก และจะเป็นคนที่เป็นกำลังซื้อในอนาคตด้วย

 

“ความท้าทายคือ Gen Z เป็นกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมที่คาดเดาได้ยาก ไม่ได้คิดเป็นเซ็ตเดียวกันเหมือน Gen Y ที่เราคุ้นเคย พวกเขาแตกออกเป็นหลายๆ กลุ่มด้วยความ Fragmented ของสื่อและคอมมูนิตี้ นักธุรกิจทุกคนรู้ว่านี่คือตลาดใหม่ และเป็นตลาดที่ยังมีความ Loyalty ไม่มีมากนัก” นครินทร์กล่าว   

 

 

สิ่งที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้โตต่อได้จากเมกะเทรนด์ที่เกิดขึ้น 

 

เมื่อเห็นโอกาสและความท้าทายแล้ว จะใช้เครื่องมืออะไรช่วยเร่งสปีดให้องค์กรเติบโตต่อได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

  1. ตรวจสุขภาพธุรกิจ อะไรคือ Core Competency ความสามารถในการแข่งขัน จุดได้เปรียบ จุดแตกต่าง หรือความชอบของคุณคืออะไร อย่าเพิ่งไหลไปตามเทรนด์ใหม่ๆ อย่าลืมว่าจุดได้เปรียบของ SMEs คือ ‘ความเร็ว’ แต่จุดเสียเปรียบคือ ‘กำลังทรัพย์ กำลังคนน้อย’ 

 

  1. ตรวจสอบเทรนด์ เหมาะกับเราจริงหรือไม่ ยังอยู่ในระบบนิเวศของเราไหม อินไซต์ของผู้บริโภคคืออะไร และสุดท้ายมันเป็นโอกาสของเราหรือของคนอื่นกันแน่ หรืออาจมองข้ามอุตสาหกรรมไปเลยก็ได้ แต่ถ้าคุณไม่เก่งจริง จะเหมือนเปิดคู่แข่งมากขึ้น

 

  1. ตรวจสอบสเกล แล้วเทียบกับสเกลทั้งอุตสาหกรรม จุดสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าสเกลของธุรกิจจะใหญ่หรือเล็ก แต่อยู่ที่ว่าจะแย่งมาร์เก็ตแชร์มาได้เท่าไรและ Up Size ของตลาดยังโตได้อีกหรือไม่ เช่น ตลาดเครื่องดื่มโซดา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มาก ผู้เล่นมี Core Competency ที่แข็งแกร่งมาก ถ้าคิดจะเข้าไป ให้ถามตัวเองว่าคุณมีสิ่งนั้นหรือเปล่า ถ้ามีก็น่าลอง แต่ถ้าไม่มีอาจไม่เหมาะ อีกมุมหนึ่งตลาดผู้เล่นไม่เยอะ แต่มีโอกาสเติบโตทุกปี และเป็นตลาดที่ถนัดนี่คือ Sunrise Industry ที่น่าลอง

 

“พอเราตรวจสอบทั้ง 3 ส่วนนี้แล้วจะเห็นว่าอะไรคือช่องว่างที่ขาดหายไปของธุรกิจ เพราะแน่นอนว่าไม่มีใครที่พร้อมทุกอย่าง ส่วนตัวผมอยากให้ทดลองทำเล็กๆ ก่อน มันหมดยุคแล้วกับการวางแผน 2 ปีแล้วลงทุนครั้งใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็น Sandbox เลย คือลงทุนเล็กๆ ซึ่งช่องว่างส่วนใหญ่ที่คนต้องการมากที่สุดในยุคหลังๆ ไม่ใช่เรื่องของความรู้ เงิน หรือคน แต่คือเรื่องของพาร์ตเนอร์ เพราะการที่คุณก้าวข้ามไประบบนิเวศอื่นมากขึ้น คุณจะมีด้านที่ไม่ถนัดแน่นอน” นครินทร์กล่าว 

 

 

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเติบโตในรูปแบบของตัวเอง และจะมีความท้าทายรูปแบบไหนรออยู่ นครินทร์สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่า ถ้าคุณคือ SMEs ที่มีของ มาร์จินดี กำไรสุทธิดี แล้วก็มี Core Competency ที่ดี มีความแตกต่าง และผู้ก่อตั้งเป็นคนที่มี Entrepreneurial Spirit จริงๆ คุณจะเนื้อหอมมาก

 

“มันเป็นยุคที่ธุรกิจขนาดใหญ่พร้อมจะลงทุนในธุรกิจขนาดเล็ก เขาอยากจะเข้ามาถือหุ้น เพราะเป็นช่วงที่เขาพยายามหาที่ลงในสินทรัพย์หลากหลายรูปแบบ เพราะมันจับต้องได้ ถ้าเลือกถูกตัว ธุรกิจจะก้าวกระโดดมากๆ ขณะเดียวกันธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศเริ่มมองเห็นเค้กในเซกเตอร์ของเขาที่ไม่ได้ขยายเหมือนในอดีต เช่น ธุรกิจพลังงาน อสังหาฯ ค้าปลีก หรือไฟแนนซ์ จะเริ่มเห็นว่าเขาเลือกลงทุนในธุรกิจที่อาจจะอยู่ใกล้ระบบนิเวศของเขาหรือไกลออกไปนิดหน่อย เพื่อขยายรายได้ 

 

“ข้อที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันนี้เขาไม่อยากโตคนเดียว แต่อยากพา SMEs โตไปด้วย นี่คือความตั้งใจของหลายๆ หน่วยงานในยุคนี้” 

 

เท่ากับว่าถ้าธุรกิจคุณมีศักยภาพเพียงพอจะเนื้อหอมแน่นอน ภาพต่อไปที่ต้องมองให้ออกคือจะโตในลักษณะกองทุน สตาร์ทอัพ หรือบริษัทขนาดใหญ่ 

 

“ผมคงไม่สามารถตอบได้ว่าคำตอบควรจะเป็นแบบไหน แต่เกณฑ์ที่ง่ายที่สุดคือ ดูว่าเขามาเติมเต็มอะไรที่สิ่งคุณไม่มี และเป้าหมายของคุณคืออะไร คุณอยากเห็นอะไร เพราะการเติบโตแต่ละรูปแบบก็จะมีวิธีการแตกต่างกัน มีข้อจำกัดและความท้าทายที่ไม่เหมือนกัน”  

 

 

คำแนะนำสำหรับธุรกิจที่แทบไม่มีอนาคต แต่ยังอยากไปต่อ 

 

“ไม่ Fight ก็ Flight ไม่สู้ก็หนี” นครินทร์บอกว่า ถ้าอยู่ในช่วงที่แย่จริงๆ อย่าฝืน การหนีง่ายกว่า

 

“การสละเรือมันอาจเจ็บปวด แต่การทรานส์ฟอร์มตัวเองไปสู่ธุรกิจใหม่นั้นง่ายกว่า ปีศาจที่น่ากลัวที่สุดคือกาลเวลา ถ้าเราไม่ใช่ธุรกิจผูกขาดหรือเป็นคนที่กำหนดกฎเกณฑ์ได้ ตัวแปรจะเยอะมาก”

 

แต่ถ้าใครที่ยังคิดจะสู้ ต้อง Deaverage บางอย่างในตลาดนั้น แม้จะเป็น Sunset Industry แต่ถ้าเป็น Last Man Standing เราก็กินยาว ถ้าคุณมองหาบางอย่างเจอหรือเพิ่มคุณค่าบางอย่างให้กับมัน

 

คำแนะนำทิ้งท้ายสำหรับผู้นำ ‘Leader Spirit’ ที่ต้องมี

 

นครินทร์บอกว่า สำหรับผู้นำในมิติของนักธุรกิจที่มีหน้าที่ขับเคลื่อนองค์กร โดยเฉพาะเรื่องรายได้ ต้องมองสเกลบริษัทให้ออกกว่าควรสวมหมวกอะไร

 

“ผมไม่เคยเห็นซีอีโอคนไหนที่เริ่มต้นจากศูนย์แล้วไม่ทำทุกอย่าง เพราะคุณเข้าใจตลาดมากที่สุด แต่ความยากคือ พอคุณสเกลขึ้นมา คนจะเยอะขึ้น ลูกค้าจะเยอะขึ้น ถ้ามือของคุณเปื้อนอยู่คนเดียว ตายแน่นอน เพราะคุณจะไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลย”

  

คำแนะนำที่นครินทร์ให้ไว้คือ ถ้าอยากได้ธุรกิจใหม่หรืออยากหาพาร์ตเนอร์ใหม่ๆ ผู้นำต้องเลิกทำงานรูทีน แต่ต้องมองแบบ Outside In เปลี่ยนหมวกใบใหม่ งานรูทีนต้องให้คนอื่นช่วย หน้าที่ของผู้นำคือ มอนิเตอร์ว่าธุรกิจกำลังเดินไปถูกทางหรือเปล่า

 

“ความยากที่สุดคือธุรกิจในปัจจุบันมันไดนามิกสูงมาก แม้แต่งานรูทีน หลายครั้งก็มีปัญหา เพราะมันมีคู่แข่งใหม่ๆ ตลาดเปลี่ยน โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนเร็วมาก คุณต้องสามารถโยนบอล 3-4 ลูกพร้อมกันได้ ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นความเหนื่อยของผู้นำในยุคนี้ที่มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X