วันนี้ (12 มีนาคม) ได้มีการจัดงานแถลงข่าวโครงการ The Power of Unity ภายใต้โครงการ ‘Road to Tokyo 2020 รวมใจสู่ชัยชนะ’ แถลงความพร้อมสนับสนุนการถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 และส่งกำลังใจเชียร์นักกีฬาไทยชิงชัยศึกโอลิมปิกและพาราลิมปิก 2020 พร้อมผนึกกำลัง ‘กสทช. – เอไอเอส – แพลนบี’ ถ่ายทอดสดครบทุกแพลตฟอร์ม ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 25 ชั้น 4 การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามุ่งมั่นในการสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพนักกีฬาไทยให้พัฒนาไปสู่การแข่งขันในระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในศึกโอลิมปิก ซึ่งถือเป็นมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ โดยนอกจากนักกีฬาทุกคนที่เข้าแข่งขันจะสร้างชื่อเสียงและสร้างภาพลักษณ์ให้แก่ประเทศไทยแล้ว ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจรวมถึงสร้างกระแสความนิยมด้านกีฬาให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนและเยาวชน นำไปสู่การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้คนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขของประเทศ ตลอดจนสร้างความสามัคคีให้คนในชาติอีกด้วย
ขณะที่การเตรียมความพร้อมของทัพนักกีฬาไทยในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 นั้น คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ได้ติดตามความเคลื่อนไหวและร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) และองค์การอนามัยโลก (WHO) มาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเจ้าภาพได้มีการเตรียมมาตรการป้องกันที่ได้มาตรฐานสูงไว้แล้ว ทั้งการคัดกรองภายในประเทศทุกพื้นที่ ทั้งสนามแข่งขัน โรงแรม ที่พักนักกีฬา ให้เป็นไปอย่างเข้มงวด ได้มาตรฐานสูง โดยขอให้นักกีฬาไทยมุ่งมั่นและโฟกัสกับการฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ และหากช่วงนี้มีนักกีฬารายใดที่จำเป็นต้องเดินทางไปแข่งขันต่างประเทศเพื่อเก็บคะแนนสะสมหรือแข่งคัดเลือก เราก็ได้แนะนำวิธีป้องกันพร้อมกำชับและเน้นย้ำให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ของแต่ละประเทศอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้าง
ด้าน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่าบทบาทของการกีฬาแห่งประเทศไทยในโอลิมปิก 2020 นั้น นอกจากจะช่วยเตรียมความพร้อมทุกด้านในการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาตั้งแต่การฝึกซ้อมจนถึงเข้าแข่งขันแล้ว เรายังผนึกกำลังร่วมกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และพันธมิตรเอกชน ในการดึงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดโอลิมปิกเข้ามาในประเทศไทย ให้ประชาชนชาวไทยได้ร่วมลุ้นและร่วมเชียร์นักกีฬาไทยได้ทุกช่องทาง ซึ่งครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดในทุกชนิดกีฬา รวมทั้งสิ้น 33 ชนิดกีฬา โดยถ่ายทอดสดในระบบความคมชัดสูงผ่านดิจิทัลทีวี และถ่ายทอดสดในช่อง T-Sport รวมถึงผ่านระบบจอ Digital Out of Home สำหรับพิธีเปิดและพิธีปิด
และสำหรับการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 นั้น กกท. ได้เร่งหามาตรการที่จะสร้างความปลอดภัยต่อนักกีฬาและบุคลากรกีฬาของไทยที่จะเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้อย่างดีที่สุด รวมถึงได้จัดทำกรมธรรม์ประกันโควิด-19 ให้กับนักกีฬาและบุคลากรกีฬาต่างๆ อีกด้วย
ส่วนการถ่ายทอดสดการแข่งขันในปีนี้ ผศ.ภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ กล่าวว่า กสทช. ส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานีโทรทัศน์ถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติที่คนไทยมีส่วนเกี่ยวข้องมาโดยตลอด
โดยโอลิมปิกถือเป็น 1 ใน 7 กีฬาที่กำหนดไว้ในกฎ Must Have ต้องออกอากาศผ่านฟรีทีวีหรือทีวีดิจิทัล จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ กกท. ในการนำลิขสิทธิ์การแข่งขันมาถ่ายทอดสดให้คนไทยได้รับชมผ่านทางดิจิทัลทีวี และยังสามารถรับชมในหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทีวีดาวเทียมตามกฎ Must Have ดำเนินการถ่ายทอดสดโดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือเลือกรับชมผ่านออนไลน์ได้ทาง AIS Play ที่จะถ่ายทอดสดทุกชนิดกีฬาตลอดการแข่งขันผ่าน 12 ช่องสัญญาณถ่ายทอดสด
รวมถึงรับชมการถ่ายทอดสดพิธีเปิดและพิธีปิดครั้งแรกผ่านทางสื่อโฆษณานอกบ้าน หรือจอ Digital Out of Home จากแพลนบีได้อีกด้วย นั่นหมายความว่าไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหนก็จะไม่พลาดรับชมการถ่ายทอดสดโอลิมปิกครั้งนี้อย่างแน่นอน
ด้าน พล.ต. จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่าจากการร่วมประสานงานอย่างต่อเนื่องกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากลมาโดยตลอด ซึ่งในขณะนี้ประธาน IOC ยังคงเชื่อมั่นและยืนยันว่าโอลิมปิก โตเกียว 2020 ยังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้เพื่อทำพิธีเปิดการแข่งขันวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ และจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แม้จะมีการวิตกเกี่ยวกับโควิด-19 อยู่ในเวลานี้ก็ตาม ทางโอลิมปิกได้มีการทำงานร่วมกับประเทศเจ้าบ้านอย่างญี่ปุ่น องค์การอนามัยโลก โอลิมปิกจีน และคณะกรรมการโอลิมปิกประเทศอื่นๆ อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดมาตรการความปลอดภัยอย่างสูงที่สุดต่อนักกีฬาและบุคลากรด้านกีฬาของประเทศต่างๆ
สำหรับมหกรรมโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม ถึง 9 สิงหาคม 2020 มี 206 ชาติจากทั่วโลกเข้าร่วมชิงชัยทั้งสิ้น 33 ชนิดกีฬา โดยปัจจุบันมีนักกีฬาไทยคว้าตั๋วเข้าแข่งขันได้แล้ว 15 ใบ ประกอบด้วย พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (เทควันโด), เศวต เศรษฐาภรณ์ (ยิงเป้าบิน), กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม (เรือใบ), ศิริพร แก้วดวงงาม (วินด์เซิร์ฟ), จุฑาธิป มณีพันธุ์ (จักรยาน), อิศรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร (ยิงปืน), ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์ (ยิงปืน), ธันยพร พฤกษากร (ยิงปืน), สุธิยา จิวเฉลิมมิตร (ยิงเป้าบิน), อิศราภา อิ่มประเสริฐสุข (ยิงเป้าบิน), ใบสน มณีก้อน (มวยสากลสมัครเล่น), สุดาพร สีสอนดี (มวยสากลสมัครเล่น), ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด (มวยสากลสมัครเล่น), ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี (มวยสากลสมัครเล่น) และอาริย์ณัฏฐา ชวตานนท์, กรธวัช สำราญ, วีรภัฎ ปิฏกานนท์ (ขี่ม้าอีเวนท์ติ้ง ประเภททีม)
ภาพ: ดิษยุตม์ ธนบุญชัย / Press Release
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์