×

The Only Living Boy in New York หนังรักอันซับซ้อนที่สะท้อนตัวตน ทอย ปฐมพงศ์

30.11.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins read
  • The Only Living Boy in New York คือหนังเรื่องที่สองในโปรเจกต์ ‘หนังผมไม่เล็กนะครับ’ ของค่าย M Pictures ที่คัดสรรหนังดีๆ มาเป็นทางเลือกส่งท้ายปีให้กับคอหนังทุกคน
  • The Only Living Boy in New York ว่าด้วยความรักวุ่นๆ ของหนุ่มน้อยที่กำลังสับสนในเรื่องความรักซึ่งดันไปรู้ความจริงว่าพ่อแท้ๆ ของตัวเองกำลังมีกิ๊ก และในขณะที่ตามสืบเรื่องอยู่นั้น หนุ่มเจ้ากรรมของเราก็ดันไปหลงเสน่ห์กิ๊กของพ่อตัวเองขึ้นมา
  • M Pictures เลือก ทอย-ปฐมพงศ์ เรือนใจดี นักแสดงวัยรุ่นที่มักจะได้รับบทเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนอยู่เสมอมาเป็นตัวแทนในการบอกเล่าความรู้สึกที่มีต่อหนังเรื่องนี้

 

หลังจาก M Pictures เปิดตัวโปรเจกต์ ‘หนังผมไม่เล็กนะครับ’ ที่คัดหนังคุณภาพ 4 เรื่องมาเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าเอาใจคอหนังทุกคนไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว โดยเรื่องแรกคือ Wind River ที่ได้ผู้กำกับอย่างก้องเกียรติ โขมศิริ มาเป็นตัวแทนบอกความรู้สึก

           

ส่วนเรื่องที่สอง M Pictures เปลี่ยนอารมณ์ไปที่แนวโรแมนติก-คอเมดี้ที่ว่าด้วยความรักวุ่นๆ ของ โทมัส เว็บบ์ (รับบทโดย คัลลัม เทอร์เนอร์) ที่กำลังสับสนทั้งในเรื่องหัวใจและเส้นทางชีวิตของตัวเองหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย เท่านั้นยังไม่พอ เขาดันไปรู้ความจริงว่า อีธาน เว็บบ์ (รับบทโดย เพียร์ซ บรอสแนน) พ่อแท้ๆ ของตัวเองกำลังกิ๊กกับสาวแซ่บอย่าง โจฮันนา (รับบทโดย เคท เบกคินเซล) และในขณะที่ตามสืบเรื่องอยู่นั้น หนุ่มเจ้ากรรมของเราก็ดันไปหลงเสน่ห์กิ๊กของพ่อตัวเองขึ้นมาอีก ผลงานของ มาร์ก เว็บบ์ ผู้กำกับหนังโรแมนติก-คอเมดี้สุดคลาสสิกอย่าง (500) Days of Summer (2009)

 

          

 

ตัวแทนความรักวุ่นๆ ในครั้งนี้ตกเป็นของหนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่าง ทอย-ปฐมพงศ์ เรือนใจดี นักแสดงรุ่นใหม่ที่มักจะได้รับบทเกี่ยวกับความรักที่ซับซ้อนของวัยรุ่นอยู่เสมอ ซึ่งเจ้าตัวเองก็อินกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะนอกจากเป็นแฟนตัวยงของหนังเรื่อง (500) Days of Summer อยู่แล้ว นิสัยและความรักในชีวิตของเขาก็ดันคล้ายกับเว็บบ์แบบเต็มๆ ทำให้เขาค่อนข้างเข้าใจและเห็นใจพระเอกในเรื่องนี้เป็นพิเศษ

 

“ถ้าถึงขั้นไปชอบกิ๊กของพ่อคงไม่มีนะครับ อันนั้นดูเกินไปหน่อย (หัวเราะ) แต่ถ้าแอบชอบเพื่อนนี่ผมเคยมาตั้งแต่เด็กๆ ส่วนชอบคนที่อายุมากกว่า ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ยิ่งพอผมทำงานในวงการตั้งแต่เด็ก ทำให้ไม่มีเวลาไปมีความรักหรือทำกิจกรรมหวานๆ เหมือนคนอื่น เพราะฉะนั้นคนที่อายุมากกว่า ทำงานมามากกว่า เขาน่าจะเข้าใจเราในเรื่องนี้ได้ดีกว่าคนที่อายุพอๆ กันหรือว่าน้อยกว่า ผมคิดว่าเรื่องนี้สำคัญนะครับ ถ้าเราไม่เข้าใจกันเรื่องเวลาของการทำงานเมื่อไร นั่นคืออุปสรรคสำคัญของความรักเลย เพราะว่าการทำงานก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตของผมตอนนี้เหมือนกัน”

 

 

แอบชอบเพื่อนครั้งแรกตั้งแต่เมื่อไร

ตั้งแต่อนุบาลเลยครับ ฟังดูแล้วเป็นเด็กแรดมากเลยเนอะ (หัวเราะ) ไม่รู้ว่าถึงขนาดเรียกว่าเป็นความรักหรือเราชอบเขาแบบจริงๆ จังๆ หรือเปล่า แต่เราจะชอบไปแหย่ ไปแกล้งเขาตลอดเวลา คือทำยังไงก็ได้ให้อยู่ใกล้เขา หรือจะโดนเขาว่าอะไรก็ยอม ถึงขนาดคุณแม่ซื้อหมามาให้แล้วถามว่าจะตั้งชื่อว่าอะไร ซึ่งตอนนั้นมันมีแต่ชื่อผู้หญิงคนนั้นก้องอยู่ในหัวตลอด สุดท้ายก็เลยเอาชื่อของเธอมาตั้งเป็นชื่อหมา (หัวเราะ) แต่ว่าไม่ได้บอกชอบกัน เพราะพอขึ้น ป.1 ก็ย้ายไปเรียนคนละโรงเรียน ทุกวันนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าผมเอาชื่อมาตั้งเป็นชื่อหมา (หัวเราะ)

 

เวลาชอบใครสักคน วิธีการแสดงออกของทอยจะเป็นแบบไหน

อยู่ที่ว่าเราสนิทกันมากแค่ไหน ยิ่งสนิทมาก ยิ่งไม่กล้าบอก เพราะผมกลัวเสียเพื่อน แต่ถ้าไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น อาจจะเป็นเพื่อนห่างๆ เพื่อนของเพื่อน หรือคนอื่นไปเลย ผมจะใช้วิธีออกตัวแรงไปก่อนเลย หาโอกาสหรือเทศกาลเหมาะๆ เช่น วาเลนไทน์ก็ซื้อดอกไม้ให้ ให้เขารู้ไปเลยว่าเราชอบ ไม่ค่อยกลัววืดเท่าไร จะวืดก็วืดเลย (หัวเราะ) แล้วดูฟีดแบ็กว่าเขาเป็นยังไง ถ้าโอเคค่อยจีบต่อ แต่ถ้าไม่โอเค ผมจะไม่ตื๊อเลย เพราะรู้สึกว่าถ้าเขาไม่โอเคแล้วเราหยุดแค่นั้น เรายังมองหน้ากันได้อยู่นะ แล้วผมก็จะได้รู้ไปเลยว่า อ๋อ คนนี้เขาไม่ชอบเราแบบนั้น เราก็จะกลับมาคิดกับเขาเป็นเพื่อนได้เหมือนเดิม แต่ถ้าเราตื๊อเขาแล้วถลำลึกลงไปเรื่อยๆ นั่นล่ะที่จะทำให้เรากลับมาเป็นเพื่อนกันไม่ได้

 

 

เห็นหล่อๆ แบบทอย เวลาออกตัวแรงๆ ไปมีวืดบ่อยไหม

มีบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แล้วแต่ช่วงอายุด้วย ยิ่งตอนเด็กๆ ผมเป็นคนขี้อาย เวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อนคนก็จะไม่รู้จักหรอกครับว่าคนไหนคือทอย จะมีความเป็นบุคคลในอากาศนิดนึง คือถ้าอยู่กับกลุ่มเพื่อน ด้วยความที่ผมเป็นคนกวนๆ ก็จะโดนรุมแกล้งในกลุ่ม ไม่ใช่ผู้นำหรือตัวเด่นที่คนจะรู้จักเท่าไร แต่พอขึ้นมัธยม เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้นก็วืดน้อยลงบ้าง แต่ก็กลายเป็นว่าเราไม่ได้มีเวลาไปทุ่มให้กับความรักมากเท่าเดิมแล้ว

 

หลังจากออกตัวแรงไปแล้วฟีดแบ็กของฝ่ายหญิงออกมาว่าชอบเราเหมือนกัน วิธีสานความสัมพันธ์หลังจากนั้นของทอยเป็นแบบไหน

ตอนแรกเราเริ่มจากการชอบแบบชายหญิงชอบกันใช่ไหมครับ คือเห็นว่าชอบแล้วออกตัวแรง แต่พอจะเริ่มจีบกันจริงๆ ผมจะใช้วิธีคุยกันแบบเพื่อน จากตอนแรกอาจจะซื้อดอกไม้ให้แบบที่บอก แต่ตอนนี้ไม่ซื้อ (หัวเราะ) เพราะไม่ได้จีบแบบผู้ชายผู้หญิง แต่เราคุยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปส่งที่บ้าน ปรึกษาเรื่องราวต่างๆ ทำอะไรตลกๆ ให้เขาหัวเราะ ผมว่าการค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปแบบนี้ดีกว่าที่เราจะไปเร่งรัดอะไรทุกอย่างให้มันเร็วจนเกินไป เพราะสุดท้ายคนรักของเราก็คือเพื่อนคู่ชีวิตคนหนึ่งของเราเหมือนกัน

 

 

สำหรับทอย คิดว่าคนที่เป็นเพื่อนสนิทกันควรพัฒนาความสัมพันธ์จนเปลี่ยนเป็นคนรักกันหรือเปล่า

ผมว่าไม่มีอะไรตายตัวนะ แล้วแต่มุมมองของคนมากกว่า ซึ่งผมคิดว่าในความรักไม่มีอะไรผิดหรือถูก อ๋อ ยกเว้นเรื่องไปแอบชอบกิ๊กของพ่อตัวเองแบบในเรื่องนะครับ (หัวเราะ) แต่นอกจากนั้น ไม่ว่าจะรักเพื่อนสนิทหรือรักคนมีอายุมากกว่า มันไม่ควรจะมีกฎเกณฑ์อะไรมาห้าม เพราะว่าความรัก เวลามันเกิดขึ้นแล้วเราห้ามมันไม่ได้ แล้วเวลาที่เรารักใคร เราไม่ทันคิดหรอกว่าคนนั้นคือเพื่อนสนิท คนนั้นอายุมากกว่า เราคิดแค่ว่าคนนี้คือคนที่เรารัก ไม่มีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องเลย

 

ตอนนี้ความรักแบบหนุ่มสาวสำคัญสำหรับทอยมากขนาดไหน

เยอะนะครับ เต็ม 100 ผมให้ 70 เลย ผมคิดว่าเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้เรามีพลังออกไปทำงาน บางทีเราท้อ เหนื่อย หรือมีความสุข มันจะมีความรู้สึกบางอย่างที่เราบอกครอบครัวไม่ได้แล้วเราอยากอวด อยากแบ่งปันความสุข อยากมีคนรับฟังความทุกข์ ผมว่าการมีใครสักคนที่เราสามารถพูดคุยและให้กำลังใจกันได้ทุกเรื่องเป็นเรื่องที่ดีมาก

 

 

ข้อดี-ข้อเสียในฐานะ ‘คนรัก’ ของทอยมีอะไรบ้าง

ข้อดีคงเป็นเรื่องความใส่ใจ ด้วยความที่ผมโตมากับแม่ มีความคิดของแม่นิดๆ เลยได้นิสัยใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มีความละเอียดของผู้หญิงมาจากแม่ด้วย เพราะฉะนั้นในเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ผมจะไม่ค่อยพลาดเท่าไร แต่นั่นก็กลายเป็นข้อเสียในเวลาเดียวกัน เพราะทำให้ผมเป็นคนคิดเยอะ แล้วก็จะทะเลาะกันเพราะผมคิดเยอะไปเองนี่ล่ะ

 

เวลาอกหักจะเห็นทอยเป็นแบบไหน

เป็นโรคจิตครับ ถ้าอกหักจะดึงตัวเองให้ดิ่ง ให้ดาวน์ที่สุด ถาโถมลิสต์เพลงที่มันเศร้ามากๆ ใส่มือถือเอาไว้ ยิ่งเมื่อก่อนมือถือยังใส่เพลงได้ไม่เยอะ ผมจะลบทุกอย่างทิ้ง ใส่แต่เพลงเศร้าแล้วฟังตลอดเวลา ไปไหนก็ฟัง กลับบ้านก็ฟัง ฟังอยู่อย่างนั้นจนกว่ามันจะชา มันจะดีขึ้น เพลงที่รู้สึกว่าจี๊ดที่สุด ฟังบ่อยที่สุดคือเพลง รักแท้ดูแลไม่ได้ ของ POTATO ต้องมาทุกครั้ง (หัวเราะ) ไม่ว่าความสัมพันธ์นั้นเราจะถูกหรือผิด แต่ผมจะคิดว่าสุดท้ายเราเป็นคนที่ดูแลความรักนั้นไม่ได้อยู่ดี

FYI
  • The Only Living Boy in New York จะเข้าฉายครั้งแรกวันนี้ (30 พ.ย.) โดยทาง M Pictures ร่วมกับโรงภาพยนตร์ 3 เครือยักษ์อย่าง Major Cineplex, SF และ APEX จำหน่ายราคาค่าตั๋วเริ่มต้นที่นั่งละ 120 บาท เพื่อเปิดโอกาสให้คอหนังชาวไทยได้สัมผัสหนังดีจากทุกมุมโลกที่คัดสรรในโปรเจกต์ ‘หนังผมไม่เล็กนะครับ’ ครั้งนี้
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X