ย้อนกลับไปในวันแถลงข่าวใหญ่ประจำปี 2564 ช่วงปลายเดือนมกราคมของแสนสิริ ซึ่งบิ๊กบอสอย่าง เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศว่า “แสนสิริจะเปิดตัวโครงการในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบ้านของคนทุกกลุ่ม”
โครงการที่จับต้องได้ในที่นี้คือการประกาศทำ ‘คอนโดแมส’ ในระดับราคา 1 ล้านต้นๆ – 2 ล้านบาท ซึ่งเศรษฐาระบุว่า “เราไม่ได้ทำโครงการระดับราคานี้ (1 ล้านต้นๆ – 2 ล้าน) มาเป็น 10 ปีแล้ว” การขยับตัวในครั้งนี้ถือเป็นการเบนเข็มจากเดิมที่แสนสิริมักจะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นจับตลาดกลาง-บน ด้วยราคา 3-10 ล้านบาทเป็นหลัก
ในที่สุดแสนสิริก็ได้ฤกษ์เปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ในระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งแสนสิริระบุว่า “ไม่ได้ทำมานานกว่า 10 ปี” โดยถูกตั้งชื่อว่า THE MUVE (เดอะ มูฟ) ตามแผนนั้นถูกวางไว้ว่าปีนี้จะมีทั้งหมด 4 ทำเล ได้แก่ รัชดา, เกษตร, รามคำแหง และบางนา
THE MUVE เป็นแบรนด์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงกลางระหว่าง dcondo ซึ่งจะมีราคาเริ่มที่ล้านต้นๆ ทำเลส่วนใหญ่จะอยู่ติดสถานศึกษาเป็นหลัก และอีกแบรนด์คือ THE BASE มีราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป อยู่ในทำเลที่เข้าเมืองง่าย ติดถนนใหญ่ และใกล้รถไฟฟ้า ส่วน THE MUVE ราคาจะอยู่ตรงกลาง ขณะที่ทำเลยังเข้าเมืองได้ง่าย แต่อาจจะเข้าไปในซอยที่ไม่ลึกมาก
ทำเลแรกที่ได้เปิดตัวมาเรียบร้อยแล้วคือ THE MUVE เกษตร โดยเป็นคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์สูง 8 ชั้น บนพื้นที่ 1 ไร่ มีจำนวนทั้งหมด 248 ยูนิต และมีมูลค่าโครงการ 482 ล้านบาท
ที่น่าสนใจคือ THE MUVE เกษตร นั้นถูกเปิดขายในราคาเริ่มต้นที่ 1.69-2 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่ 80,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งแสนสิริย้ำว่า ถ้าเทียบกับคู่แข่งในทำเลเดียวกัน ตัวเองนั้นให้ราคาที่ดีที่สุดแล้ว โดยบริษัทอื่นมักจะตั้งราคาอยู่ที่ 90,000 บาทต่อตารางเมตร หรือหากเป็นราคาเดียวกันก็ต้องขยับออกไปอีกนิดในทำเลสะพานใหม่
นอกจากราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งแล้ว แสนสิริยังบอกอีกว่า ทำเลนี้มีตลาดปล่อยเช่ารองรับชัดเจน โดยมี Yield หรือผลตอบแทนในการลงทุนปล่อยเช่าคอนโด สูงถึง 5.8% หรือสามารถปล่อยเช่าได้ 9,000-10,000 บาทต่อเดือน
องอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในปีที่ผ่านมากว่า 96% ของโครงการใหม่ของเดเวลลอปเปอร์ มักเปิดราคาอยู่ที่ 80,000-150,000 บาท โดยราคาดังกล่าวถือเป็นราคาที่จับต้องได้และลูกค้าสามารถเข้าถึง ขณะเดียวกันแม้การระบาดของโรคโควิด-19 จะมีผลกระทบต่อกำลังซื้อ แต่บ้านถือเป็นปัจจัย 4 จึงทำให้มีความต้องการทุกวัน
ดังนั้นการทำเปิดตัวคอนโดแบรนด์ใหม่ในราคานี้จึงมีเป้าหมายเพื่อมุ่งไปที่ลูกค้าที่ยังมีกำลังซื้อเป็นหลัก ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงฐานลูกค้ากลุ่มอื่นที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19
ลึกลงไปเหตุผลหลักที่ทำให้แสนสิริสามารถทำราคา 80,000 บาทต่อตารางเมตรได้นั้น นอกจากการที่โครงการตั้งอยู่ในซอยบริเวณซอยงามวงศ์วาน 54 แยก 3 ซึ่งอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และไม่ได้อยู่ติดรถไฟฟ้า แต่ก็อยู่ห่างจาก BTS มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ราว 10 นาที ยังมาจากการลด Facilities บางอย่างลงไปด้วย
“เราตัดบางส่วนที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้ไปโฟกัสในส่วนที่คุ้มค่า” องอาจกล่าว โดย Facilities ที่ถูกตัดออกไปคือสระว่ายน้ำ ซึ่งแสนสิริให้เหตุผลที่ถูกตัดออกไปว่าเป็นเพราะจากการสำรวจในโครงการอื่นๆ ของแสนสิริพบว่า สระว่ายน้ำมักเป็นส่วนที่ลูกบ้านใช้งานน้อยกว่า Co-Working Space หรือห้องสมุดด้วยซ้ำ
การตัดสระว่ายน้ำออกจะทำให้ต้นทุนในการก่อสร้างลดลง นอกจากนี้ยังทำให้ค่าส่วนกลางลดลงด้วยจากค่าบำรุงรักษาที่จะหายไป แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่า THE MUVE ทั้ง 4 โครงการ จะตัดออกหมดเลย ยังมีโครงการที่บางนาซึ่งยังมีสระว่ายน้ำอยู่ ด้วยฐานลูกค้าบริเวณนั้นบางส่วนเป็นครอบครัวที่มีลูกเล็ก สระว่ายน้ำจึงยังจำเป็นสำหรับทำเลนั้นอยู่
กระนั้นแสนสิริก็ระบุว่า ถึงจะตัด Facilities บางส่วนออกไป แต่ก็เพิ่มด้วย Co-Working Space ที่มากขึ้น ตลอดจนมีบริการอื่นๆ เพิ่มเข้ามาอีก เช่น ตู้อัตโนมัติสำหรับกดขนมและกาแฟ เป็นต้น
THE MUVE เกษตร จะเปิดรอบ Early Bird Deal โดยมีโปรโมชันราคาเริ่มต้น 1.67 ล้านบาท ผ่าน Online Booking ในวันที่ 27 พฤษภาคม เวลาเที่ยงวัน-เที่ยงคืน และมีงานพรีเซลวันที่ 29 พฤษภาคม
แสนสิริมั่นใจว่าจะ Sold Out ได้อย่างรวดเร็วในห้องที่เปิดขาย เพราะมี 2 ชั้นที่แสนสิริเก็บไว้ขายในตอนที่คอนโดสร้างเสร็จช่วงต้นปี 2566 โดยยังไม่เปิดเผยว่าเก็บชั้นไหนไว้บ้าง และราคาที่ขายในช่วงนั้นจะอยู่ที่เท่าไร
สำหรับในไตรมาส 2 นี้ แสนสิริจะทยอยเปิด THE MUVE ในทำเลรามคำแหงและบางนา พร้อมกับย้ำว่า ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาทที่เคยกล่าวถึงไว้มีแน่นอน แต่ยังไม่ระบุว่าจะเป็นโครงการในทำเลไหน
ในแง่ของแผนการเปิดขายคอนโดแสนสิริปี 2564 จะมีทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่ารวม 6,100 ล้านบาท ปัจจุบันสร้างยอดขายคอนโดไปแล้ว 4,200 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งหมด 11,000 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: