Star Wars: The Last Jedi กลายเป็นภาพยนตร์ภาคต่อที่มีการถกเถียงอยู่พอสมควร แต่กระนั้นก็ยังทำรายได้ไปแล้วราว 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้เข้าฉายในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดภาพยนตร์ขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก
หนึ่งสัปดาห์หลังจาก Star Wars: The Last Jedi เข้าฉายในประเทศจีน ปรากฏว่าคดีพลิก! ทำรายได้ไปเพียง 27 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าน้อยกว่าการคาดการณ์อย่างมาก ส่งผลให้โรงภาพยนตร์ในประเทศจีนลดจำนวนรอบฉาย Star Wars ภาคล่าสุด เพื่อเปิดพื้นที่ฉายให้กับภาพยนตร์เรื่องอื่นที่มีโอกาสทำเงินได้มากกว่า เช่น Jumanji: Welcome to the Jungle และภาพยนตร์สัญชาติจีนเรื่องอื่นๆ อย่าง The Ex-File 3 และภาพยนตร์จีนเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้าฉายเดือนมกราคมปีนี้อย่าง Forever Young
มีรายงานว่า Star Wars: The Last Jedi ถูกลดการฉายไปถึง 92% ของรอบฉายในประเทศจีน และจะส่งผลให้ยอดรายได้เหลือเพียงราว 7 ล้านเหรียญสหรัฐต่อสัปดาห์ ซึ่งทำให้ยอดรายได้รวมที่ฉายในจีนอาจเหลือเพียง 34 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์ในจีนดังกล่าวแน่นอนว่าส่งผลต่อภาพรวมของความนิยม Star Wars ภาคต่อจากนี้ เป็นกรณีศึกษาให้ทาง Lucasfilm และดิสนีย์ต้องเอาไปเตรียมพร้อมเพื่อภาพยนตร์ภาคต่อในปีนี้
โดยภาพยนตร์ Star Wars: The Force Awakens ทำรายได้ทั่วโลกไปที่ 2,068 ล้านเหรียญสหรัฐ และทำรายได้ในจีนไปถึง 124 ล้านเหรียญสหรัฐ (เปิดตัวสัปดาห์แรก 52 ล้านเหรียญสหรัฐ) ขณะที่ Star Wars: The Last Jedi ทำรายได้ปัจจุบันทั่วโลกไปราว 1,235 ล้านเหรียญสหรัฐ
อ้างอิง: