×

The Irishman มาร์ติน สกอร์เซซี, โรเบิร์ต เดอ นีโร, โจ เปสซี, อัล ปาชิโน และการเดิมพันครั้งใหญ่ในโลกภาพยนตร์ของ Netflix

01.08.2019
  • LOADING...
The Irishman

คงไม่เกินเลยไปนักถ้าจะบอกว่า The Irishman คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่น่าดูที่สุดในปี 2019 ทั้งจากทีเซอร์ที่ปล่อยมาล่าสุด ชื่อชั้นของผู้กำกับอย่าง มาร์ติน สกอร์เซซี เรื่องเล่าสุดเข้มข้นจากหนังสือ I Heard You Paint Houses ที่บันทึกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในช่วงกลางยุค 70 กับคดีฆาตกรรมแก๊งบัฟฟาลีโน และการหายตัวไปอย่างลึกลับของผู้นำสหภาพแรงงาน 

 

พร้อมกับ 3 นักแสดงรุ่นใหญ่ดีกรีผู้ชนะรางวัลออสการ์อย่าง โรเบิร์ต เดอ นีโร นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก The Godfather Part II (1974) นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Raging Bull (1980), อัล ปาชิโน นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Scent of a Woman (1992) และโจ เปสซี นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก Goodfellas (1990) ที่แฟนๆ ภาพยนตร์แก๊งสเตอร์คิดถึงมากที่สุด 

 

เท่าที่มีข้อมูลเปิดเผยออกมา ตัวภาพยนตร์น่าจะเล่าเรื่องแนวกึ่งชีวประวัติของ แฟรงก์ ‘เดอะ ไอริชแมน’ ชีแรน (โรเบิร์ต เดอ นีโร) อดีตทหารผ่านศึกที่พอจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ฉากหน้าเขาเป็นคนรับจ้างขับรถบรรทุก แต่มีรายได้เสริมจากการเป็นมือปืนรับจ้างฝีมือดีที่ทำงานให้กับบุคคลและองค์กรที่อันตรายที่สุดในเงามืดของอเมริกา 

 

จนกระทั่งมีงานครั้งใหญ่ที่ทำให้เขาต้องปฏิบัติภารกิจที่กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของอเมริกาที่มี รัสเซล บัฟฟาลีโน (โจ เปสซี) หัวหน้าแก๊งบัฟฟาลีโนผู้ทรงอิทธิพลในยุค 70-80 และจิมมี่ ฮอฟฟา (อัล ปาชิโน) ผู้นำสหภาพแรงงานและเพื่อนรักของแฟรงก์ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ  

 

ยิ่งถ้าเป็นแฟนภาพยนตร์ของนักแสดงนำทั้ง 3 คนอยู่แล้วล่ะก็ แค่ได้ยินเสียงโทนทุ้มๆ เข้มๆ ของโรเบิร์ต เดอ นีโร และอัล ปาชิโน กับเสียงแหบๆ แหลมๆ แต่น่ากลัวของโจ เปสซี ที่รีไทร์ตัวเองจากการแสดงไป 9 ปีเต็มจาก Love Ranch ผลงานเรื่องสุดท้ายในปี 2010 ก็จะยิ่งเพิ่มดีกรีความอยากดู The Irishman ให้ทะลุปรอทมากขึ้นไปอีก 

 

โดยเฉพาะการกลับมาเจอกันอีกครั้งของมาร์ติน สกอร์เซซี, โรเบิร์ต เดอ นีโร และโจ เปสซี หนึ่งผู้กำกับและสองนักแสดงชายที่เคมีเข้ากันแบบสุดๆ ที่ทำให้ Goodfellas (1990) และ Casino (1995) เป็นภาพยนตร์แก๊งสเตอร์ที่เข้มข้น ดูสนุก และเท่ที่สุดต่อจากไตรภาค The Godfather ของ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา 

 

The Irishman คือผลงานภาพยนตร์ยาวร่วมกันเรื่องที่ 9 ของมาร์ติน สกอร์เซซี และโรเบิร์ต เดอ นีโร, เป็นผลงานแสดงร่วมกันเรื่องที่ 7 ของคู่หูเปสซี-เดอ นีโร, การแสดงร่วมกันครั้งที่ 3 ของเดอ นีโร และอัล ปาชิโน แต่เป็นการร่วมงานอย่างเป็นทางการครั้งแรกของมาร์ติน สกอร์เซซี และอัล ปาชิโน ซึ่งจริงๆ สองคนนี้น่าจะเจอกันตั้งนานแล้ว! 

 

ความน่าสนใจอีกหนึ่งอย่างของ The Irishman คือเป็นภาพยนตร์ออริจินัลคอนเทนต์ที่ลงทุนสร้างสูงสุดของ Netflix ที่ตอนประกาศพัฒนาโปรเจกต์ในปี 2014 ตั้งตัวเลขไว้ที่ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ถือว่าเยอะมากแล้ว!) แต่ล่าสุดมีสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่างบประมาณเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 160-175 ล้านเหรียญสหรัฐ และอาจสูงถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อภาพยนตร์เสร็จสมบูรณ์และรวมงบประมาณประชาสัมพันธ์ทุกอย่างแล้ว 

 

งบประมาณก้อนใหญ่ถูกใช้ไปกับเทคนิค De-aged เพื่อลดอายุของนักแสดงในช่วงครึ่งแรกของภาพยนตร์ และแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าที่เกิดขึ้นเป็นเวลา 10 ปีตามเนื้อเรื่อง โดยใช้บริการจาก ILM (Industrial Light & Magic) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านวิชวลเอฟเฟกต์ของ Lucasfilm และเป็นภาพยนตร์ที่ใช้เวลาถ่ายทำเป็นเวลา 106 วัน ซึ่งมากที่สุดในชีวิตการเป็นผู้กำกับของมาร์ติน สกอร์เซซี

 

The Irishman จะจัดฉายรอบเวิลด์พรีเมียร์ที่ New York Film Festival ในวันที่ 27 กันยายน 2019 และจะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของ Netflix ที่จัดฉายในโรงภาพยนตร์เพื่อลบข้อครหาและคำถามที่ว่า ภาพยนตร์ที่ฉายเฉพาะแพลตฟอร์มสตรีมมิง ไม่ได้เข้าโรงภาพยนตร์ จะสามารถเรียกว่าเป็น ‘ภาพยนตร์’ ได้อยู่หรือเปล่า ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นการจัดฉายแบบจำกัดโรงหรือจะเปิดฉายตามปกติทั่วไป รวมถึงเงื่อนไขเรื่องเวลาว่าจะอยู่ในช่วงก่อน หลัง หรือจัดฉายพร้อมกับที่ปล่อยให้ดูใน Netflix ไปเลย 

 

เรื่องนี้เป็นโจทย์สำคัญไม่แพ้การทำภาพยนตร์คุณภาพที่ Netflix ต้องตอบและหาทิศทางต่อไปให้ได้ ซึ่งผลตอบรับของ The Irishman จะเป็นดัชนีชี้วัดทิศทางครั้งสำคัญในอนาคตของ Netflix ทั้งในแง่การขาย การตลาด และการฉายภาพยนตร์

 

รวมทั้งบนเวทีออสการ์ที่ The Irishman อาจจะกลับมาสานต่อภารกิจที่ Roma ของ อัลฟอนโซ กัวรอน พลาดไปในปีที่แล้วจนสำเร็จก็ได้  

 

ตัวอย่างภาพยนตร์

 

 

ภาพ: Netflix

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising