วันนี้ (11 ตุลาคม) เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.อ. อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการดำเนินธุรกิจ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCon Group Co., Ltd.) ว่า ปัจจุบันมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 161 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 62 ล้านบาท
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยงข้อง นำกำลังเข้าตรวจสอบสำนักงานเพื่อค้นหาข้อมูลการทำธุรกิจ รวมถึงตรวจสอบผลิตภัณฑ์ 15 รายการ โดยหลังจากนี้ทางตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จะนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไปตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พ.ต.อ. อุเทน กล่าวต่อว่า จากแนวทางสืบสวนทราบว่าบริษัทดังกล่าวมีผลประกอบการบางปีสูงถึง 5 พันล้านบาท ทั้งที่มีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายเพียง 15 รายการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ายอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล่านี้สอดคล้องกับเงินรายได้บริษัทหรือไม่ และมีผลิตภัณฑ์ส่งไปให้ประชาชนขายจริงหรือไม่ นอกจากนี้ตำรวจ บก.ปคบ. ได้นำบัญชีธนาคารของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทและกลุ่มดาวน์ไลน์จำนวนกว่า 120 บัญชี ส่งให้กับทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินช่วยตรวจสอบและวิเคราะห์หาธุรกรรมต้องสงสัยต่างๆ
สำหรับคดีนี้ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด และเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้บริหารและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องของบริษัทในความผิด พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ฉ้อโกงประชาชน และฟอกเงิน ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนภายใน 48 ชั่วโมง ส่วนเรื่องทรัพย์สิน แนวทางสืบสวนพบว่า ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์ เคลื่อนย้ายยาก จึงไม่ได้กังวล เชื่อว่าสามารถตรวจยึดเฉลี่ยคืนผู้เสียหายได้
“ธุรกิจขายตรงกับธุรกิจตลาดแบบตรงสามารถขออนุญาตดำเนินกิจการได้อย่างถูกต้อง ในเคสนี้เป็นธุรกิจตลาดแบบตรง คือการทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขายผ่านออนไลน์ ซึ่งหากปฏิบัติถูกต้องก็ไม่ผิดกฎหมาย แต่ธุรกิจเหล่านี้จะมีเส้นบางๆ กั้นกลางกับคำว่า ‘แชร์ลูกโซ่’ ซึ่งต้องมาดูว่าผลิตภัณฑ์ของเขามีมาตรฐานและหาซื้อได้ตามท้องตลาดเหมือนสินค้าทั่วไปหรือไม่ รวมไปถึงวิธีการขาย เป็นการขายด้วยการใช้วิธีโปรโมต หรือเป็นการดำเนินธุรกิจในลักษณะระดมทุน หากเป็นระดมทุนหรือมุ่งเน้นโฆษณาชวนเชื่อ ไม่ได้มุ่งเน้นที่คุณภาพสินค้า จะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ไม่ใช่ตลาดตรง” พ.ต.อ. อุเทน กล่าว
พ.ต.อ. อุเทน กล่าวต่อว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ คณะทำงานเองนัดประชุมกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลังเพื่อหารือเกี่ยวกับการตั้งข้อกล่าวหาผู้กระทำผิด จากนั้นในช่วงเย็นจะหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าคดีดังกล่าวเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งหากเป็นคดีพิเศษ ทางตำรวจเองจะไม่ปล่อยมือ พร้อมประสานข้อมูลและอยู่ทำงานร่วมกับทางดีเอสไอต่อเนื่อง เพื่อลดช่องโหว่ทางคดี
เมื่อถามว่า บุคคลแรกในคดีที่จะถูกออกหมายจับคือใคร และในส่วนของดาราจะมีการออกหมายเรียกมาเข้าพบพนักงานสอบสวนหรือไม่ พ.ต.อ. อุเทน ระบุว่า คดีนี้ยืนยันว่าจะดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่มีการออกหมายเรียก แต่เป็นการออกหมายจับทันที เพราะถือเป็นคดีที่มีอัตราโทษเกิน 3 ปี
ตำรวจขอเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมงจึงจะมีความชัดเจน เช่นเดียวกับเรื่องการเสียภาษี กรมสรรพากรตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะแถลงรายละเอียดในวันอังคารที่ 15 ตุลาคมนี้
