×

The Greatest Night in Pop เบื้องหลัง We Are The World ตำนานเพลงเพื่อเพื่อนมนุษย์

03.02.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • หากเทศกาลดนตรีคือศูนย์รวมของศิลปินที่มีชื่อเสียงในแต่ละยุค การที่เพลงเพลงหนึ่งสามารถทำแบบนั้นได้อาจเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่า We Are The World ซึ่งเป็นซิงเกิลการกุศลระดับตำนานได้สร้างปรากฏการณ์ที่น่าทึ่งนั้นด้วยการรวบรวมศิลปินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุค 80 มาอยู่ในเพลงเดียวกัน
  • The Greatest Night in Pop เป็นสารคดีที่เจาะลึกถึงจุดกำเนิดและเบื้องหลังที่น่าจดจำของ We Are The World โดยมี Lionel Richie ผู้เปรียบเสมือนหัวหอกคนสำคัญเป็นศูนย์กลางของเรื่องเล่าทั้งหมด
  • ในด้านหนึ่ง การมีอยู่ของหนังเรื่องนี้จึงไม่เพียงแค่ทำหน้าที่ในการบอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังของ We Are The World หรือการตอบรับของศิลปินที่มีชื่อเสียงเพื่อร่วมกันทำเพลงให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่อดอยาก แต่เป็นการโหยหาช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งและเผยแง่มุมที่เราอาจไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนเลยของพวกเขา

หากเทศกาลดนตรีคือศูนย์รวมของศิลปินที่มีชื่อเสียงในแต่ละยุค การที่เพลงเพลงหนึ่งสามารถทำแบบนั้นได้อาจเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่า We Are The World ซึ่งเป็นซิงเกิลการกุศลระดับตำนานได้สร้างปรากฏการณ์ที่น่าทึ่งนั้นด้วยการรวบรวมศิลปินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุค 80 มาอยู่ในเพลงเดียวกัน และมันถูกบันทึกแบบทันทีทันใดในช่วงค่ำคืนหลังจากที่งาน American Music Awards เมื่อวันที่ 28 มกราคม ปี 1985 จบลง ซึ่งผู้จัดงาน USA for Africa เองก็ตระหนักดีว่าหากพวกเขาไม่ทำเช่นนั้น การจะรวบรวมศิลปินที่ตัวเองต้องการมาอยู่ในงานมิวสิกวิดีโอพร้อมกันก็คงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

 

 

The Greatest Night in Pop เป็นสารคดีที่เจาะลึกถึงจุดกำเนิดและเบื้องหลังที่น่าจดจำของ We Are The World โดยมี Lionel Richie ผู้เปรียบเสมือนหัวหอกคนสำคัญเป็นศูนย์กลางของเรื่องเล่าทั้งหมด แน่นอนว่าสำหรับคนที่ค่อนข้างมีอายุอานามและเกิดทันช่วงเวลาที่เพลงดังกล่าวดังกึกก้องไปทั่วโลก การได้ดูหนังเรื่องนี้ก็น่าจะสร้างความประทับใจให้แก่แฟนเพลงรุ่นใหญ่ได้ไม่น้อย แต่สำหรับคนดูที่อายุน้อยหรือไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับความพิเศษของเพลงนี้ การได้ดูมันก็คงเป็นเหมือนการดึงเอาช่วงเวลาของกลุ่มคนดังแห่งวงการดนตรีกลับมาทำความรู้จักกับพวกเขาอีกครั้ง

 

หนังร้อยเรียงเรื่องราวผ่านบนสัมภาษณ์และฟุตเทจของผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในวันนั้น เริ่มจากการพาเราไปรู้จักกับ Lionel Richie ที่กำลังไปได้สวยกับการเป็นนักดนตรี ก่อนที่จะขยายไปยัง Ken Kragen ผู้จัดการศิลปินระดับตำนานซึ่งเป็นคนที่ชักชวนเขาให้เข้ามาร่วมโปรเจกต์ของ Harry Belafonte ที่ต้องการนำดาราดังที่สุดในสหรัฐอเมริกามาทำเพลงเพื่อนำเสนอปัญหาโรคระบาดและความแร้นแค้นของคนเอธิโอเปียให้กับโลกได้รับรู้ เพราะในเวลานั้นแอฟริกาเปรียบเสมือนกับทวีปที่ถูกระบบสาธารณูปโภคทอดทิ้ง ทั้งสามจึงรวมตัวกันกลายเป็นแกนหลักที่ช่วยกันประสานงานต่างๆ จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ชักชวนยอดฝีมือในวงการดนตรีมาอยู่รวมในเพลงเดียวกัน

 

 

มีช่วงหนึ่งที่ Richie ในวัย 74 ปีได้เล่าถึงความสนิทสนมกับ Michael Jackson ว่าเขาเพิ่งรู้ว่าเพื่อนคนนี้เล่นเครื่องดนตรีไม่เป็น ฉะนั้นสิ่งที่ Jackson ทำก็คือการฮัมเพลงทุกท่อน ซึ่ง Richie ก็ยอมรับว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ตัวเขานั้นจดจำความรู้สึกได้เป็นอย่างดี

 

คำพูดยกยอนี้ถูกสำแดงให้เห็นชัดขึ้นตอนที่หนังทิ้งห้วงเวลาสั้นๆ ให้กับอัจฉริยภาพของ Jackson มันเป็นช่วงที่ทุกคนกำลังจัดแจงระบบต่างๆ ให้เข้าที่ แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็ร้องเพลงท่อนหนึ่งของ We Are The World ขึ้นมาในขณะที่ทั้งห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบ โดยมีเพียงแค่เสียงของเขาเท่านั้นที่ดังกึกก้อง ซึ่ง Bob Dickinson ที่เป็นคนจัดแสงให้กับเพลงก็ได้ให้สัมภาษณ์ในหนังว่า การได้ฟังและอยู่ในช่วงดังกล่าวเป็นความประทับใจที่ยากจะลืมเลือนจริงๆ

 

และหากคิดคำนวณเล่นๆ ว่าถ้า Jackson ยังมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน ความสามารถของเขาจะสร้างสรรค์ผลงานให้แก่วงการดนตรีได้อีกแค่ไหน โดยปริยายมันเลยเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เขาจากไปด้วยวัยเพียงแค่ 50 ปี และการที่ได้เห็นช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์เหล่านั้นหวนย้อนกลับมาอีกครั้งผ่านกลไกของหนังก็ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า เหตุใดชายคนนี้และเพลงของเขาถึงได้เป็นที่รักของผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก

 

 

อย่างไรก็ดี ในห้องอัดเดียวกัน หนังก็เผยให้เห็นถึงความซุกซนราวกับเป็นเด็กอนุบาลของศิลปิน ทุกคนเริ่มจากการปรึกษาหารือเรื่องเพลงและเริ่มบันทึกเสียง แต่แล้วชั่วขณะหนึ่งมันก็กลายเป็นมหกรรมการขอลายเซ็นกันและกัน ช่วงเวลาที่ปรากฏในหนังเต็มไปด้วยความกลมเกลียว สนุกสนาน ขณะเดียวกันก็ตึงเครียดเพราะต้องแข่งกับเวลาที่กระชั้นชิด Richie บอกว่าหน้าที่ของเขาในตอนนั้นก็คือ การสร้างเสียงหัวเราะให้กับทั้ง 47 คน และต้องตัดสินใจทิศทางของเพลงให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้ข้อโต้แย้งทางไอเดียเกิดขึ้น

 

แต่ในเวลาเดียวกัน หนังก็จับจ้องไปยัง Bob Dylan ผู้รักสันโดษ ซึ่งมีท่าทีที่แตกต่างไปจากคนอื่นอย่างชัดเจน อีกทั้งการร้องเพลงที่ใช้เสียงในแบบที่ไม่ถนัดก็ทำให้เขาต้องไปร้องพร้อมกับคอรัสแทน ความกระอักกระอ่วนคล้ายกับคนจมน้ำของ Dylan จึงไม่ใช่ภาพที่เราเห็นเขาเป็นในชีวิตจริงบ่อยนัก หรือเรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยเห็นเลย เช่นเดียวกับคนในห้องอัดที่รับรู้ถึงอาการกระวนกระวายของเขา แต่ก็เป็นเพราะความเก่งกาจของ Quincy Jones และ Stevie Wonder เองที่ทำให้ยอดนักดนตรีคนนี้สงบลง (ทั้งสองคนถูกชักชวนโดย Richie)

 

 

ในด้านหนึ่ง การมีอยู่ของหนังเรื่องนี้จึงไม่เพียงแค่ทำหน้าที่ในการบอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังของ We Are The World หรือการตอบรับของศิลปินที่มีชื่อเสียงเพื่อร่วมกันทำเพลงให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่อดอยาก แต่เป็นการโหยหาช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งและเผยแง่มุมที่เราอาจไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนเลยของพวกเขา

 

ทั้งนี้ We Are The World ซึ่งถูกบันทึกด้วยความจริงใจของศิลปินคนขาวและคนดำก็เป็นเพลงที่สามารถช่วยชีวิตชาวเอธิโอเปียได้จริง โดยสามารถขายได้ถึง 20 ล้านชุด พร้อมกับระดมทุนได้มากกว่า 60 ล้านดอลลาร์ ในความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยผลักดันความทุกข์ยากของผู้คนในแอฟริกาให้มาอยู่ในสายตาชาวโลกมากขึ้น

 

 

ความสำเร็จของ We Are The World ก่อให้เกิดงานแสดงดนตรีเพื่อการกุศลต่างๆ ตามมา แม้ทุกวันนี้ความเรียบง่ายและซาบซึ้งของเพลงที่ทำท่าราวกับวางอยู่บนอุดมคติจะผ่านมานานเกือบ 40 ปี แต่มนตร์ขลังของมันก็ไม่เคยลดน้อยถอยลงไปตามกาลเวลาเลย คอรัสที่ถูกสร้างขึ้นจากการประสานเสียงหัวใจและจิตวิญญาณของพวกเขายังคงสร้างความรู้สึกบางอย่างที่สะทกสะท้านแก่คนฟัง

 

เช่นเดียวกับ Imagine ของ John Lennon ที่พูดในเรื่องที่คล้ายคลึงกันอย่างการรวมเป็นหนึ่งในโลกที่สงบสุข บางทีความไร้รูปร่างของดนตรีในเชิงกายภาพอาจเป็นเพียงไม่กี่อย่างบนโลกที่สามารถก้าวข้ามกำแพงของภาษาได้ และเป็นความพิเศษที่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเราด้วย

 

เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการเพลงป๊อปหรือเปล่า? คงไม่มีความจริงใดเท่ากับคำพูดของพวกเขาหลังจากที่อัดจบว่า “เราดีใจมากๆ มันเหนื่อยแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็รู้ว่าเราได้ทำสิ่งที่จะคงอยู่ตลอดไป” และความยอดเยี่ยมที่ We Are The World ทำได้เกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาก็คงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคำพูดของพวกเขานั้นถูกต้องทุกประการ

 

สามารถรับชม The Greatest Night in Pop ได้แล้วทาง Netflix

 

รับชมตัวอย่างได้ที่:

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising