การเก็บเกี่ยวที่ย่ำแย่ในแอฟริกาส่งผลให้ราคาฟิวเจอร์โกโก้พุ่งสูงสุดในรอบ 46 ปี ด้านผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า ราคาโกโก้น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไปจนกว่าจะถึงช่วงปลายปี 2024 เป็นอย่างน้อย จับตาผู้ผลิตช็อกโกแลตส่งต่อต้นทุนมายังผู้บริโภค
ตามรายงานของ Euromonitor International ระบุว่า ราคาช็อกโกแลตในสหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้นถึง 17% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ที่ใช้ผลิต ตั้งแต่โกโก้ไปจนถึงน้ำตาลพุ่งสูงขึ้น
โดยอุปทานโกโก้ทั่วโลกคาดว่าจะไม่เพียงพอต่อความต้องการเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน (ในฤดูกาลที่เริ่มต้นในเดือนตุลาคม) เนื่องจากอุปทานจากไอวอรีโคสต์และแอฟริกาตะวันตก ซึ่งคิดเป็นเกือบ 70% ของอุปทาน น้อยกว่าที่คาดไว้อย่างมาก
ด้าน Carl Quash III หัวหน้าฝ่ายขนมและโภชนาการของ Euromonitor กล่าวว่า ผู้ผลิตช็อกโกแลตกำลังพบว่าต้นทุนต่างๆ ซึ่งรวมถึงแรงงาน การแปรรูป การขนส่ง และการตลาดเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ราคาช็อกโกแลตน่าจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปอีกหลายปี
Megan Fisher นักวิจัยจาก Capital Economics คาดว่า ราคาโกโก้มีแนวโน้มที่จะทรงตัวอยู่ในระดับสูงจนกว่าผลผลิตใหม่จะมาถึงในเดือนตุลาคม 2024
ขณะที่บางฝ่ายก็กล่าวว่า การลดลงของราคาอาจเกิดขึ้นในปี 2025 หรือเมื่อผลผลิตในแอฟริกาตะวันตกเพียงพอที่จะลดความร้อนแรงของราคา
จากการสำรวจของบริษัท NIQ หรือชื่อเดิมคือ NielsenIQ เมื่อเดือนกันยายน ระบุว่า ผู้บริโภคมากกว่า 40% กล่าวว่าพวกเขาจะลดการซื้อช็อกโกแลตและลูกกวาด หากอัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทต่างๆ รวมถึง Hershey Co. และ Nestle มักจะซื้อโกโก้ล่วงหน้าไว้ในปริมาณมาก ดังนั้นเมื่ออุปทานหมดและหากราคาโกโก้ยังคงสูงอยู่ ผู้ผลิตช็อกโกแลตต่างๆ อาจส่งต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภคในที่สุด
อ้างอิง: