×

INTERVIEW: จาก คาธ The Eclipse ชวนเด็กชาย เฟิร์ส-ข้าวตัง ย้อนมองโรงเรียนวันนั้น ด้วยสายตาเราในวันนี้

27.09.2022
  • LOADING...
คาธ The Eclipse

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • ภายในงาน ‘วันศุกร์แห่งคาธ’ ที่นักแสดงจากซีรีส์เรื่อง คาธ The Eclipse ได้มาเจอกับผู้ชมอย่างใกล้ชิดและรับชม EP.6 ไปพร้อมกัน THE STANDARD POP มีโอกาสได้สัมภาษณ์สองนักแสดงนำอย่าง เฟิร์ส-คณพันธ์ ปุ้ยตระกูล และ ข้าวตัง-ธนวัฒน์ รัตนกิจไพศาล โดยพาทั้งคู่มาย้อนเวลากลับไปสู่วันวานแห่งการเป็นเด็กนักเรียนมัธยม ส่งทั้งคู่เข้าเรียนที่โรงเรียนศุภพโล แล้วไปนั่งเรียนเป็นเพื่อนร่วมห้องกับแก๊งเด็กนักเรียนจากในซีรีส์กันสักหน่อย
  • ข้าวตัง เล่าถึงความกดดันในการรับบทเป็น อายัน ว่าตนเองกดดันกับความรู้สึกที่ตัวละครต้องแบกรับ เนื่องจากอายันเป็นคนที่ต้องแบกรับความรู้สึกแย่ๆ ไว้ทั้งหมด จึงทำให้ข้าวตังต้องตีความว่าควรจะจัดการกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวละครอย่างไร 
  • เฟิร์ส เล่าถึงมุมมองที่มีต่อ อักก์ ตัวละครที่เขาสวมบทว่า อักก์เป็นคนที่มองจากภายนอกอาจจะดูเป็นคนแข็งทื่อ แต่ถ้ามองเข้าไปในจิตใจแล้ว อักก์มักจะชอบเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้มากมาย และเลือกที่จะไม่ระบายความรู้สึกเหล่านั้นออกมา ซึ่งสุดท้ายสิ่งนี้ก็กลายเป็นผลเสียต่อตัวของอักก์เอง 

ภายในงาน ‘วันศุกร์แห่งคาธ’ ที่นักแสดงจากซีรีส์เรื่อง คาธ The Eclipse ได้มาเจอกับผู้ชมอย่างใกล้ชิดและรับชม EP.6 ไปพร้อมกัน THE STANDARD POP มีโอกาสได้สัมภาษณ์สองนักแสดงนำอย่าง เฟิร์ส-คณพันธ์ ปุ้ยตระกูล และ ข้าวตัง-ธนวัฒน์ รัตนกิจไพศาล โดยเราพาทั้งคู่มาย้อนเวลากลับไปสู่วันวานแห่งการเป็นเด็กนักเรียนมัธยม ส่งทั้งคู่เข้าเรียนที่โรงเรียนศุภพโล แล้วไปนั่งเรียนเป็นเพื่อนร่วมห้องกับแก๊งเด็กนักเรียนจากในซีรีส์กันสักหน่อย

 

เด็กชายเฟิร์สและเด็กชายข้าวตังจะเป็นคนแบบไหน พวกเขาทั้งคู่จะคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกฎระเบียบอันเคร่งครัด ความรุนแรงในโรงเรียน และคุณครูในอุดมคติของพวกเขาจะเป็นคนอย่างไร ให้เด็กชายทั้งสองได้ย้อนมองโรงเรียนในความทรงจำโดยผ่านสายตาแห่งปัจจุบันของพวกเขาในวันนี้

 

คาธ The Eclipse

 

‘เมื่อศุภพโลมีกฎ พวกเราจึงมีเกียรติ’ คิดว่าศุภพโลเป็นโรงเรียนแบบไหน  

 

ข้าวตัง: ถ้ามองแบบภายนอกเลย ด้วยความที่ใส่ชุดสูทในโรงเรียนก็อาจจะเป็นประมาณโรงเรียนนานาชาติ มีความเปิดกว้างนิดหนึ่ง ด้วยยูนิฟอร์มของเขา แต่พอเข้าไปจริงแล้วเป็นโรงเรียนที่มีกฎไม่ร่วมสมัยเท่าไร ซึ่งถามว่ามีข้อดีไหม มันอาจจะดีในยุคสมัยหนึ่งแต่ว่าบางอย่างมันไม่เข้ากับยุคสมัยนี้แล้ว ก็เป็นสิ่งที่น่าจะต้องปรับแก้ครับ เช่น การยึดโทรศัพท์ การมองว่าเด็กต้องใส่ชุดนักเรียน

 

เฟิร์ส: บางอย่างที่มันไม่ร่วมสมัยก็ควรจะถูกปรับเปลี่ยน

 

ข้าวตัง: ครับผม เพื่อนผมสรุปให้แล้ว

 

คาธ The Eclipse

 

ศุภพโลเป็นโรงเรียนที่มีความเชื่อเรื่องคำสาป แล้วตอนวัยเด็กของเรามีความเชื่อในโรงเรียนบ้างไหม  

 

เฟิร์ส: โรงเรียนผมมีความเชื่อเรื่องลิฟต์ตัวหนึ่งชื่อว่าลิฟต์แดง มีตำนานว่าห้ามนักเรียนเข้าใช้เพราะเป็นลิฟต์ของอาจารย์ ถ้านักเรียนคนไหนเข้าไปใช้จะเกิดอันตรายขึ้น ส่วนตัวผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าเชื่อหรือลบหลู่ เพราะเราไม่ได้ไปข้องเกี่ยวกับลิฟต์ตัวนั้น เวลาผ่านเราก็แค่เดินผ่าน เป็นแค่ตำนานที่เล่าสืบมาแล้วเราก็รับรู้แหละ

 

ข้าวตัง: ของข้าวตังเป็นเรื่องเล่าแปลกๆ มากกว่าครับ ‘ต่อยตีกันเขาไม่ว่า แต่ถ้าเหยียบหญ้าเขาไล่ออก’ ไม่รู้จริงไม่จริงแต่เป็นคำพูดปากต่อปากที่มาจากรุ่นพี่ ก็ตลกดี คืออาจจะเป็นช่วงที่โรงเรียนสร้างใหม่ หญ้าแพงมั้งครับ เลยไม่อยากให้เหยียบ

 

เฟิร์ส: การปลูกหญ้าใหม่มันอาจจะต้องปลูกทั้งสนาม เขาเลยเลือกที่จะตัดไฟแต่ต้นลม

ข้าวตัง: ตลกดีครับ อาจจะเป็นเรื่องที่รุ่นพี่คิดขึ้นมาแล้วเอามาเล่าขำๆ

 

คาธ The Eclipse

 

ถ้าเฟิร์สและข้าวตังเป็นเพื่อนกับอักก์และอายัน คิดว่าสองคนนี้เป็นคนแบบไหน  

 

เฟิร์ส: ถ้าผมเป็นเพื่อนกับอักก์ ผมจะรู้ลึกเลยเพราะผมเป็นคนเล่นเอง แทบจะเข้าไปคิดแทนเขาได้แล้ว ถ้าในมุมของผม ผมมองว่าเขาเป็นคนที่กรอบนอกนุ่มใน ขอโทษที่ใช้คำนี้ (หัวเราะ) หมายถึงว่าข้างนอกเขาจะดูเป็นคนที่แข็งๆ ทื่อๆ แต่ถ้ามองเข้าไปในตาเขา ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เก็บเรื่องราวต่างๆ ไว้มากมาย เป็นคนที่มีอะไรก็เลือกที่จะไม่พูด มีอะไรก็เลือกที่จะยัดใส่ตัวเอง แล้วสุดท้ายก็จะเป็นผลเสียกับตัวอักก์เอง

 

ข้าวตัง: ตัวอายันก็อาจจะเป็นแบบนั้นได้เหมือนกันครับ เพราะว่าการกระทำของเขาสุดโต่ง ตรงไปตรงมามาก แต่จริงๆ แล้วข้างในเขาก็มีเรื่องหลายเรื่องเหมือนกันที่สะสมอยู่ข้างใน จนทำให้เขาต้องแสดงออกมาแบบนั้น

 

คาธ The Eclipse

 

รู้สึกกดดันไหมกับการรับบทนี้  

 

ข้าวตัง: อายันเป็นตัวละครที่น่ากลัวมาก เป็นคนที่ต้องเก็บความรู้สึกแย่ๆ ทั้งหมดไว้ เรารู้สึกกดดันว่าจะจัดการกับมันยังไงดี ก็ต้องใช้ความเคยชินและเวลาครับ เพราะสุดท้ายมันคืองานของเราที่ต้องทำออกมาให้ดีที่สุด ข้าวตังคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของนักแสดงที่ต้องแลกอยู่แล้ว

 

แล้วตัวเราเองล่ะเป็นคนแบบไหน 

 

ข้าวตัง: ตัวข้าวตังจะปล่อยผ่านเรื่องแย่ๆ ไปได้ง่าย จะไม่ค่อยเก็บอะไรที่รู้สึกแย่มานั่งคิด แต่ก็มีความย้อนแย้งอยู่ จริงๆ แล้วเราก็เป็นคนเก็บนะ

 

เฟิร์ส: กับเรื่องบางเรื่องเราก็เลือกที่จะเก็บเพราะบางครั้งเราไม่สามารถพูดออกมาได้ หรือเราไม่สามารถระบายกับใครก็ได้ บางครั้งอาจจะมีเรื่องบางเรื่องที่เราต้องเลือกระบายกับคนที่เราสบายใจจริงๆ หรือบางเรื่องที่มันเล็กๆ น้อยๆ เราก็เลือกที่จะไม่เก็บมาคิดมาก

 

คาธ The Eclipse

 

ทั้งสองคนเป็นสไตล์ไหนตอนเรียน มัธยมหรือมหาวิทยาลัยก็ได้  

 

เฟิร์ส: ทั้งมัธยมและมหาวิทยาลัยผมเป็นประเภทเดียวกัน ผมเป็นคนเงียบๆ เลือกที่จะไม่ค่อยพูด ชอบคล้อยตามเพื่อนๆ มากกว่า เธอว่าไง ฉันว่างั้น เธอไปไหน ฉันไปด้วย

 

แต่ภายนอกเฟิร์สดูเป็นคนสนุกสนาน

 

เฟิร์ส: อันนั้นเป็นภาพลักษณ์ที่หลายคนมองเห็นครับ คือเฟิร์สจะมีนิสัยส่วนตัวที่เกรงใจคนอื่น ไม่ชอบให้บรรยากาศรอบๆ มันเงียบและอึมครึม เฟิร์สเลยพยายามจะสร้างเสียงหัวเราะโดยที่เราไม่รู้ตัว

 

แล้วมันทำให้เราเก็บความรู้สึกไม่ดีรอบๆ เข้ามาในตัวไหม

 

เฟิร์ส: จริงๆ การที่เฟิร์สทำแบบนั้นไม่ได้ทำให้เราเก็บความรู้สึกแย่ๆ รอบตัวเข้ามานะ เหมือนกับเราพยายามทำให้สภาพแวดล้อมตรงนั้นมันโอเคและมีเสียงหัวเราะ มีความสุข เพราะไม่อยากให้ทุกคนที่อยู่ร่วมกับเรารู้สึกแย่กลับไป เราอยากให้เขารู้สึกดีที่ได้อยู่ตรงนั้นร่วมกันกับเรา

 

ข้าวตัง: เราทำด้วยความสบายใจ 

 

เฟิร์ส: ใช่ครับ

 

ข้าวตัง: ส่วนของผมตอนมัธยมก็อาจจะเป็นแบบอักก์ที่เป็นคนไม่ค่อยแสดงออกอะไร

 

เป็นเพราะคุณทำตามกฎไหม

 

ข้าวตัง: ไม่ขนาดนั้นนะครับ แต่ก็ไม่ได้เป็นประมาณอายันที่พุ่งเข้าใส่ เป็นเด็กทั่วไป

 

เฟิร์ส: ใช่ ไม่ได้แก่นกล้าและไม่ได้ตั้งใจเรียนซะทีเดียว ก็เป็นเด็กกลางห้อง

 

ข้าวตัง: กลางค่อนหลัง

 

เฟิร์ส: เด็กหลังห้องเลยก็ได้ (หัวเราะ)

 

คาธ The Eclipse

 

ผู้ใหญ่บางคนมีอคติว่าเด็กหลังห้องเป็นคนแก่นเซี้ยว เด็กหน้าห้องคือเด็กเรียน และเด็กกลางห้องไม่โดดเด่น คุณคิดเห็นอย่างไร  

 

เฟิร์ส: พอดีโรงเรียนเฟิร์สจะเป็นเด็กหลังห้องที่ชอบโดนตอบคำถามครับ สำหรับประเด็นนี้เฟิร์สเลยไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเปลี่ยนแปลงอะไรเท่าไร เพราะว่าถึงเราจะนั่งกลางห้องก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่เรียน หรือเป็นคนเกเร เฟิร์สอาจจะนั่งหน้าห้องไม่ได้เพราะตัวสูง และการไปนั่งหลังห้องบางทีก็ทำให้เราโฟกัสกับการเรียนหรือวิชาที่เราชอบไม่ได้เต็มร้อย เราเลยเลือกที่จะนั่งตรงกลางเท่านั้นเองเลยครับ

 

ข้าวตัง: ในเรื่องของความโดดเด่นมันเหมือนเป็นความชอบมากกว่า การที่รู้ว่าเราชอบอะไรตอนไหน ใครรู้เร็วก็ไปทางนั้นได้เร็วกว่าเพื่อนเท่านั้นเอง แต่การที่เราไม่รู้ก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่มีดี ข้าวตังคิดว่าเราสามารถค้นหาตัวเองไปได้เรื่อยๆ นะครับ

 

คาธ The Eclipse

 

เข้ามาในส่วนของซีรีส์กันบ้าง จากเรื่อง คาธ เราจะเห็นนักเรียนแบบ ถั่วพู ที่โดนกดทับและกลั่นแกล้งจากเพื่อนในโรงเรียน ทั้งคู่เคยพบเจอประสบการณ์ประมาณนี้ไหม 

 

ข้าวตัง: ถ้าเป็นกลุ่มเพื่อนในห้องด้วยกัน ส่วนตัวข้าวตังไม่เห็นเลยว่าเพื่อนด้วยกันมากดทับกัน ไม่รู้ว่าโรงเรียนอื่นเป็นเหมือนกันไหม แต่โรงเรียนข้าวตังเป็นอย่างนี้จริงๆ

 

ถ้าเรื่องที่ถูกกดทับอาจจะมาจากครูเสียมากกว่า ครูบางท่านถ้าไม่พอใจเรื่องอะไรก็จะใช้อำนาจ ‘นี่ฉันเป็นครูนะ’ ก็จะพบเห็นได้บ่อย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดี ด้วยความเป็นนักเรียนคงไม่มีใครกล้าโต้แย้ง แต่ข้าวตังคิดว่าตอนนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว อะไรๆ ก็น่าจะดีขึ้นครับ

 

เฟิร์ส: สำหรับเฟิร์ส เพื่อนไม่ได้แสดงมุมด้านนั้นออกมาให้เห็นสักเท่าไร เราก็เลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเพื่อนรู้สึกยังไง แต่ส่วนตัวเฟิร์สรู้สึกว่าเรื่องการกดทับมันมีอยู่แล้วในสังคมโดยที่เราอาจจะถูกกดทับโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

 

วันหนึ่งที่เราผ่านเวลา มีอายุมากขึ้น เติบโตมากขึ้นแล้วมองย้อนกลับไป เรากลับรู้สึกว่าทำไมตอนนั้นฉันถึงไม่คิดแบบนี้ ทำไมเราถึงยอมทนกับกฎที่ไม่เมกเซนส์ ทำไมถึงไม่โต้แย้ง เพราะมันเป็นสิ่งรอบตัวที่เกิดขึ้นเป็นปกติจนเราถูกปลูกฝังว่านี่คือสิ่งที่ปกติ เหมือนกับตัวละครถั่วพลูที่ค่อยๆ เรียนรู้ เติบโต สุดท้ายก็ค่อยๆ คิดได้และกล้าที่จะออกมาพูด

 

ทั้งคู่มีมุมมองอย่างไรบ้างต่อการเลือกปฏิบัติ ล้อ บูลลี่ หรือทำให้คนกลุ่ม LGBTQIA+ เป็นตัวตลกที่มักพบเห็นอยู่บ่อยๆ ในรั่วโรงเรียน 

 

เฟิร์ส: เฟิร์สว่าคำถามนี้ไม่จำเป็นต้องมาโฟกัสว่าเป็นหรือไม่เป็น LGBTQIA+ คนทุกคนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งการล้อเลียน การทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ การล้อเล่น มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว เพราะคุณทำสิ่งหนึ่งให้อีกคนหนึ่งไม่สบายใจ นี่เป็นสิ่งพื้นฐานที่มนุษย์ไม่ควรจะทำ เป็นคอมมอนเซนส์ที่คนพึงรู้ ปัจจุบันสังคมอาจจะถูกหล่อหลอมมาให้เล่นโดยที่ไม่รู้ตัว แต่วันหนึ่งคนพวกนั้นต้องคิดได้ครับว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูก

 

ข้าวตัง: ใช่ครับ การล้อเลียน การบูลลี่ ไม่ว่าจะเป็นใครมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง

 

คาธ The Eclipse

 

เมื่อกี้พูดถึงเรื่องครู แล้วตัวเราอยากมีครูแบบไหน  

 

ข้าวตัง: ครูศนิครับ ถ้าในเรื่อง ครูศนิคือครูที่คอยรับฟัง ใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของนักเรียน

 

เฟิร์ส: ครูศนิเป็นครูในดวงใจเลยถ้าสมมติมีครูแบบนี้ในชีวิตจริง เพราะเขาเป็นคนที่คอยรับฟังเรา คอยเปิดรับ ไม่ใช่คนที่ปิดกั้นหรือถูกปลูกฝังค่านิยมเก่าๆ มาแล้วปิดกั้นความคิดของเด็กนักเรียน เรารู้สึกว่าการมีใครสักคนคอยรับฟังเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม มันทำให้เรารู้สึกดีและกล้าที่จะฝากความรู้สึกกับเขา

 

คาธ The Eclipse

 

เฟิร์ส/ข้าวตัง: ฝากซีรีส์เรื่อง คาธ ด้วยนะครับ ทุกวันศุกร์ เวลา 20.30 น. ทาง GMM25 ดูย้อนหลังได้ที่ Viu ใครที่ยังไม่ได้ดูก็ฝากเอ็นดูซีรีส์เรื่องนี้ด้วยนะครับ อยากให้ทุกคนลองเปิดใจดู หวังว่าจะได้อะไรกลับไปไม่มากก็น้อยครับ

 

ภาพ: GMM, ployphat23 / Instagram 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising