วันนี้ (5 มีนาคม) เวลาประมาณ 18.00 น. ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ลุมพินี ไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ พร้อมด้วยผู้เสียหาย LGBTQIA+ ชาวไทย 5 รายที่ถูกกลุ่ม LGBTQIA+ ชาวฟิลิปปินส์กว่า 20 รายทำร้ายร่างกายเมื่อวานนี้ (4 มีนาคม) เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อทำการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกาย
วาย ผู้เสียหายเล่าย้อนเหตุการณ์ในวันที่เกิดว่า ตนเองกับเพื่อนไปรับประทานอาหารย่านนานา แล้วได้พบกับกลุ่มฟิลิปปินส์ หลังจากที่รับประทานอาหารเรียบร้อยกลุ่มฟิลิปปินส์เดินตามมาจากที่ร้าน และตะโกนคำว่า “Lady Boy Thailand” จากนั้นมีการชูนิ้วกลางมาทางตน แต่เธอไม่ได้ตอบโต้อะไร เนื่องจากเห็นว่ากลุ่มคู่กรณีมากันหลายสิบคน จากนั้นวายได้โทรตามเพื่อน หลังจากที่เพื่อนเดินทางมากลุ่มฟิลิปปินส์ก็กลับไป
วายเล่าต่อว่า จากนั้นตนเองและกลุ่มเพื่อนเดินไปที่บริเวณจุดเกิดเหตุ และเจอกับกลุ่มคู่กรณียืนอยู่ จึงเข้าไปสอบถามว่าทำไมถึงมาก่อกวน แต่หลังจากที่สอบถามไปกลุ่มฟิลิปปินส์ก็เข้ามารุมทำร้าย โดยยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากัน และคลิปที่ถูกแชร์กันในโซเชียลเป็นคลิปที่ถูกถ่ายโดยฝั่งชาวฟิลิปปินส์
หลังจากที่กลุ่มฟิลิปปินส์ทำร้ายพวกตนเสร็จแล้ว ได้มีการตะโกนด่าทอด้วยคำหยาบคาย และโห่ร้องด้วยความดีใจ พร้อมด้วยถ้อยคำดูถูกและเหยียดหยามคนไทย
วายเปิดเผยต่ออีกว่า ตอนนี้ตนรู้สึกว่าได้รับความเป็นธรรมแต่ยังไม่มากเท่าที่ควร ตนอยากให้กลุ่มฟิลิปปินส์มาขอโทษ ยืนยันว่าถ้าหากมีการเจอหน้ากัน ตนเองไม่คิดจะเข้าไปทำร้ายกลุ่มฟิลิปปินส์เนื่องจากว่าตอนนี้มีสติแล้ว แต่ยืนยันว่าในเรื่องของคดีก็จะดำเนินการตามกฎหมายถึงที่สุด
ด้านเนิร์ส ผู้เสียหายอีกรายเปิดเผยว่า ตนเองเข้าพบตำรวจวันนี้เพื่อต้องการแจ้งความในข้อหาชิงทรัพย์ เนื่องจากกลุ่มฟิลิปปินส์ หลังจากทำร้ายเสร็จก็มีการนำกระเป๋าซึ่งภายในมีเงินสดอยู่ประมาณ 2,000 บาท และมีทองคำมูลค่าประมาณ 10,000 บาท พร้อมด้วยเสื้อแจ็กเก็ตไปด้วย
ด้านไพศาลระบุว่า กรณีนี้ไม่ใช่เพียงคดีทำร้ายร่างกาย แต่มีเรื่องที่กลุ่มฟิลิปปินส์ชิงทรัพย์ระหว่างที่ชุลมุนด้วย หลังเกิดเหตุตำรวจไปพบกระเป๋าในห้องของชาวฟิลิปปินส์กลุ่มนี้ แต่เงินหายไป ดังนั้นชาวฟิลิปปินส์กลุ่มนี้จะยังเดินทางกลับประเทศตนเองไม่ได้ ต้องถูกดำเนินคดีฐานชิงทรัพย์ในไทยก่อน และแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนขโมย แต่ก็เข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุน
นอกจากนี้จะให้ตำรวจตรวจสอบด้วยว่าเข้ามาในไทย มาเที่ยวหรือมาประกอบอาชีพอะไร วีซ่าหมดอายุหรือไม่ ทำงานผิดกฎหมายหรือไม่ หรือมีพฤติกรรมค้าประเวณีหรือไม่ เพราะถ้าใช่ก็จะต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มหลายข้อหา รวมถึงเข้าข่ายเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ที่จะต้องเพิกถอนวีซ่า เนรเทศออกนอกประเทศ และขึ้นแบล็กลิสต์ไม่ให้กลับเข้าประเทศไทยอีกด้วย
ด้าน พล.ต.ต. วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 กล่าวว่า จนถึงขณะนี้เกือบครบ 24 ชั่วโมงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่สามารถแจ้งข้อหากับชาวฟิลิปปินส์ที่ถูกควบคุมตัวมาได้ 4 คน
โดยตลอดทั้งวัน 4 คนนั้นถูกแยกสอบอยู่ที่ห้องพนักงานสอบสวนชั้นบนของ สน.ลุมพินี แยกจากชาวไทย เพราะกังวลว่าจะเกิดการทะเลาะวิวาทรอบสองขึ้นหากให้ทั้งสองฝ่ายพบหน้ากัน
ซึ่งที่ยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหากับชาวฟิลิปปินส์ได้ เพราะตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าใน 4 คนที่ควบคุมตัวไว้ทำร้ายใครบ้าง ซึ่งอยากฝากไปถึงชาวไทยคนไหนที่ถูกทำร้ายร่างกายแล้วมีคลิปยืนยันว่าเป็นตนเอง ให้นำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับกลุ่มฟิลิปปินส์