×

อ่านสถานการณ์ศึกชิงตัว ‘เอ็มบัปเป้’ จริงแท้หรือแค่ลวงตา?

26.08.2021
  • LOADING...
Kylian Mbappé

ดูเหมือนตลาดการซื้อขายผู้เล่นประจำฤดูร้อนนี้น่าจะเป็นรอบที่ได้รับการบันทึกว่าเต็มไปด้วยความน่าประหลาดใจในความเคลื่อนไหวของผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์หัวแถวของโลกมากที่สุด

 

จาก ลิโอเนล เมสซี ที่อำลาบาร์เซโลนามาอยู่กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบแทบไม่มีใครอยากเชื่อ มาสู่การเผยความตั้งใจของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี กองหน้าเจ้าของรางวัล FIFA The Best ที่อยากจะย้ายออกจากบาเยิร์น มิวนิก เช่นเดียวกับ คริสเตียโน โรนัลโด ที่กำลังรอลุ้นว่าจะมีโอกาสได้ย้ายออกจากยูเวนตุสหรือไม่ โดยไม่นับ เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ และ แฮร์รี เคน ที่ดูเหมือนจะพลาดหวังที่จะย้ายทีมในปีนี้

 

ล่าสุดคือรายของ คีเลียน เอ็มบัปเป้ กองหน้าอนาคตไกลที่ว่ากันว่ามีโอกาสจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะอันดับ 1 ของโลกในระยะเวลาไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งเริ่มมีท่าทีที่ชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองว่าไม่ต้องการที่จะต่อสัญญาฉบับใหม่กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง และต้องการจะย้ายไปเรอัล มาดริด ทีมในฝันของเขา

 

นั่นนำไปสู่ความเคลื่อนไหวที่รุนแรงอย่างมากในเวลาต่อมา เมื่อทีม ‘ราชันชุดขาว’ ยื่นข้อเสนอมหาศาล 160 ล้านยูโรให้แก่เปแอสเชเป็นค่าตัวของเอ็มบัปเป้ และกำลังเป็นที่น่าจับตามองว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่ขั้นต่อไปอย่างไร

 

ความฝันของเอ็มบัปเป้

สิ่งแรกที่แน่ชัดในตอนนี้คือ เอ็มบัปเป้ต้องการย้ายทีม และทีมเดียวที่เขาต้องการจะไปคือเรอัล มาดริด เพื่อตามรอยฮีโร่ในดวงใจของเขาอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด

 

โดยเลโอนาร์โด ผู้อำนวยการสโมสรเปแอสเช ยอมรับว่า “คีเลียนดูเหมือนต้องการที่จะไป” แต่ในฐานะของผู้อำนวยการสโมสร สิ่งที่เขาต้องทำคือ การพยายามรั้งตัวดาวยิงวัย 22 ปีรายนี้ต่อไปให้ได้

 

เพราะถึงจะมีทั้ง เนย์มาร์ และ ลิโอเนล เมสซี อยู่ในทีมแล้ว แต่ในบรรดาซูเปอร์สตาร์ทั้งหมด เอ็มบัปเป้คือนักเตะที่อายุน้อยที่สุด เหลือเส้นทางการเล่นอีกยาวไกลที่สุด ซึ่งสำหรับเปแอสเชแล้ว คนที่พวกเขาควรจะเก็บตัวไว้ให้ได้นานที่สุดย่อมต้องเป็นดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส

 

เพียงแต่เอ็มบัปเป้เองอยู่กับเปแอสเชมาตั้งแต่ปี 2017 และไม่เคยมีประสบการณ์ในการเล่นต่างแดนเลย ซึ่งโดยระดับชั้นของลีกในประเทศอย่างลีกเอิง ปัจจุบันไม่ใช่แม้แต่ลีกในระดับท็อป 5 ของยุโรปแล้ว เมื่อพวกเขาโดนลีกโปรตุเกสทำคะแนนค่าสัมประสิทธิ์ (UEFA Country Coefficient) ไปเรียบร้อย และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขากวาดความสำเร็จในบ้านเกิดได้ครบถ้วนแล้ว

 

เอ็มบัปเป้ต้องการจะไปเวทีที่ใหญ่กว่า ซึ่งแม้เรอัล มาดริด จะตกต่ำในเวลานี้และมีปัญหาทางการเงิน แต่ด้วยชื่อเสียงและประวัติศาสตร์แล้ว ชุดขาวของพวกเขายังคงเลอค่าในความรู้สึกของนักฟุตบอลทุกคนบนโลกที่อยากจะสวมใส่

 

อีกทั้งหากย้ายไป เขาจะได้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของสโมสรทันที โดยมีรุ่นพี่ที่มีความสนิทสนมกันอย่าง คาริม เบนเซมา คอยสนับสนุน

 

อย่างไรก็ดี เอ็มบัปเป้ไม่คิดที่จะแตกหักกับเปแอสเชแต่อย่างใด โดยตามรายงานข่าวแล้ว หากท้ายที่สุดการย้ายทีมจะไม่เกิดขึ้น เขาก็ยินดีที่จะอยู่กับสโมสรต่อไปอีก 1 ปี โดยเมื่อถึงเวลานั้นแล้วก็จะสามารถย้ายไปเรอัล มาดริด ได้โดยอิสระตามกฎบอสแมน และมีโอกาสจะเรียกค่าตอบแทนได้สูงขึ้นอีกด้วย

 

เรียกได้ว่าดาวยิงวัยรุ่นผู้นี้เดินเกมได้ฉลาด อ่านสถานการณ์ได้ดี และเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบในเวลานี้

 

จุดยืนที่เข้มแข็งของเปแอสเช

ฝ่ายเปแอสเชนั้นมีการยืนยันจากทางเลโอนาร์โดในเรื่องความปรารถนาของเอ็มบัปเป้ว่าเป็นเรื่องจริง เพียงแต่มีการเหน็บแนมว่า มหาอำนาจลูกหนังจากสเปนนั้นใช้วิธีการที่ไม่ค่อยขาวสะอาดนักในเรื่องนี้

 

โดยหากยึดตามคำพูดของเลโอนาร์โดที่ให้ความเห็นเรื่องนี้ มีประโยคสำคัญที่หลุดออกมา “กับเขา (คีเลียน เอ็มบัปเป้) เรามีการพูดคุยกันหลายครั้ง เขาบอกกับเราทุกครั้งว่า เขาขอให้สัญญาว่าเขาจะไม่ไปจากสโมสรแบบฟรีๆ “ข้อเสนอ (จากเรอัล มาดริด) นั้นน้อยกว่าค่าตัวที่เราจ่ายให้เขา แต่มันก็เป็นวิธีการเจรจาแบบมาดริดที่เราไม่ชอบ”

 

เลโอนาร์โดยืนยันว่า ทางเปแอสเช ‘จะไม่รั้ง’ เอ็มบัปเป้ไว้ เพียงแต่หากจะยอมปล่อยตัวไปต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของพวกเขาเอง

 

อย่างไรก็ดี คำว่าเงื่อนไขของเปแอสเชนั้นสามารถตีความได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินที่ดูเหมือนตัวเลข 160 ล้านยูโรนั้นอาจจะไม่เพียงพอในเวลานี้

 

หรืออาจจะหมายถึงระยะเวลา เพราะถึงแม้เอ็มบัปเป้จะเหลือสัญญากับทีมอีกเพียงแค่ปีเดียว และมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเปล่าไปโดยไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมาเลย แต่สำหรับเปแอสเชแล้ว เรื่องเงินอาจไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาเท่ากับเรื่องศักดิ์ศรี อย่างน้อยก็ต้องรั้งให้ถึงที่สุดก่อน ไม่ยอมเสียไปง่ายๆ

 

หรืออาจจะหมายถึงเงื่อนไขประกอบอื่นๆ เช่น จะมีการต่อรองอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ จะมีการสอดไส้เงื่อนไขในสัญญาว่าหากย้ายไปแล้วเปแอสเชจะมีสิทธิ์ในการซื้อกลับมาเป็นทีมแรก เป็นต้น

 

กระนั้นทางด้านเปแอสเชเองดูเหมือนว่าพวกเขามีทางเลือกทดแทนที่น่าสนใจไม่แพ้กัน อย่างการดึงโรนัลโดจากยูเวนตุสมาแทน และจะทำให้พวกเขากลายเป็นทีมในตำนานทันที

 

เพราะนั่นหมายถึงการที่เมสซีและโรนัลโด เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์รวมกัน 11 สมัย และแข่งกันมาทั้งชีวิต จะได้เล่นในสโมสรเดียวกัน ซึ่งแม้อายุของ ‘CR7’ จะมากแล้วถึง 36 ปี แต่ด้วยสภาพร่างกายแล้วยังดีอยู่ และน่าจะเหลืออายุการใช้งานได้อีกหลายปี

 

เพียงแต่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เองก็จับตาสถานการณ์ของโรนัลโดอยู่เช่นกัน หลังจากที่พวกเขาพลาดหวังในการได้ตัว แฮร์รี เคน แน่นอนแล้วในตลาดรอบนี้

 

แต่หากไม่ใช่โรนัลโด (ซึ่งเรื่องค่าตอบแทนมหาศาลคืออุปสรรค) อาจจะกลายเป็นตัวละครรองลงไปอย่างริชาร์ลิสันจากเอฟเวอร์ตัน ที่ถูกดึงตัวมาเติมให้องค์ประกอบครบถ้วนเฉยๆ ถึงคุณภาพฝีเท้าและความเป็นสตาร์จะไม่เท่าก็ตาม

 

การย้ายทีมที่หาเหตุผลไม่เจอ

ในเรื่องนี้สิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจได้ในเวลานี้คือ ข้อเสนอ 160 ล้านยูโรจากเรอัล มาดริด นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อสโมสรประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง นักเตะคนเดียวที่พวกเขาได้ตัวมาเสริมทีมในช่วงปิดฤดูกาลนี้คือ ดาวิด อลาบา ปราการหลังทีมชาติออสเตรียจากบาเยิร์น มิวนิก ที่ย้ายมาร่วมทีมแบบไม่มีค่าตัว

 

การยื่นข้อเสนอมหาศาลระดับนี้เพื่อแลกกับนักฟุตบอลอย่างเอ็มบัปเป้เหมือนจะไม่แปลก แต่ที่แปลกคือพวกเขาจะยอมเสียเงินทำไม 160 ล้านยูโร ในเมื่อรออีกเพียงไม่ถึง 12 เดือนก็จะสามารถคว้าตัวมาร่วมทีมได้แบบฟรีๆ อยู่แล้ว (เอาเข้าจริงคือรออีกแค่ 3 เดือนเศษ พอเข้าวันปีใหม่ของปี 2022 ก็สามารถเจรจาอย่างเป็นทางการได้ทันที)

 

ในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา เรอัล มาดริด นั้นขาดทุนมากกว่า 300 ล้านยูโรด้วยกัน ซึ่งแม้จะไม่เทียบเท่ากับที่คู่แข่งอย่างบาร์เซโลนาประสบ แต่สถานการณ์ของพวกเขาก็ดีกว่าไม่มาก ไม่นับความล้มเหลวของการพยายามเป็นตัวตั้งตัวตีร่วมกับสโมสรจากอังกฤษในการตั้ง ‘ซูเปอร์ลีก’ ที่ทำให้ความหวังในการได้รับเงินเหนาะๆ ปีละ 300 ล้านยูโรหายไป

 

ไม่นับภาระในการปรับปรุงสนามซานติอาโกเบร์นาเบวที่ใช้เงินอีกกว่า 575 ล้านยูโร ซึ่งเป็นเงินที่กู้ยืมมาด้วย

 

ย้อนกลับไปในหลายปีที่ผ่านมา เรอัล มาดริด เองก็ไม่ได้เน้นการซื้อซูเปอร์สตาร์ระดับ Galacticos เหมือนเดิม โดยจะเน้นไปที่การลงทุนกับดาวรุ่งมากกว่า อาทิ วินิเชียส จูเนียร์, โรดริโก หรือเรเนียร์ ซูเปอร์สตาร์อนาคตไกลจากบราซิล

 

สตาร์รายสุดท้ายที่ย้ายเข้ามาคือ เอเดน อาซาร์ จากเชลซี ด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโรเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับนักเตะชุดเดียวกันอย่าง โรดริโก, เอแดร์ มิลิเตา, ลูกา โยวิช และ แฟร์ล็องต์ ม็องดี

 

การเดินหมากรุกฆาตชิงตัวเอ็มบัปเป้ที่จะย้ายทีมได้ฟรีในฤดูกาลหน้า ทั้งที่ทีมเองก็ไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วนใดๆ ในเวลานี้ จึงเป็นเรื่องที่ยังทำความเข้าใจในหลักการและเหตุผลได้ยาก

 

แต่หากจะมองแบบพยายามเข้าใจสุดๆ แล้ว มาดริดเพิ่งจะขาย ราฟาเอล วาราน และ มาร์ติน โอเดการ์ด ได้เงินกลับมาราว 70 ล้านยูโร อาจจะนำมาถัวตรงนี้ได้บ้าง

 

ขณะที่โครงสร้างการชำระเงินนั้นยังไม่มีใครทราบรายละเอียดที่แท้จริง แต่มีการระบุว่า เรอัล มาดริด จะชำระเงินก้อนแรก 80 ล้านยูโรก่อน พร้อมกับเงินโบนัสอีก 80 ล้านยูโร ตรงนี้ยังไม่มีการยืนยัน แต่หากเป็นจริงก็ไม่แปลกที่ทางเปแอสเชจะไม่พอใจ         

 

ในเวลาเดียวกัน หากสุดท้ายเปแอสเชจะไม่ยอมรับข้อเสนอ 160 ล้านยูโร และยอมเสียเอ็มบัปเป้ไปฟรีๆ ในฤดูกาลหน้าก็เป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้ยากเช่นเดียวกันกัน

 

ส่วนฝั่งเอ็มบัปเป้เองก็ถูกวิพากษ์ว่า การเลือกย้ายไปเรอัล มาดริด แทนที่จะอยู่กับเปแอสเชที่มีเมสซีและเนย์มาร์ เป็นเหมือนการขายหุ้น TikTok และไปซื้อหุ้น MySpace แทน เพราะเวลานี้ทีมที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่จากสเปนอีกแล้ว

 

ข่าวการย้ายทีมครั้งนี้ ณ เวลาและสถานการณ์ปัจจุบันนี้จึงดูเหมือนจะไม่มีใครที่จะเป็นผู้ชนะเลย

 

ยกเว้นมันจะเป็นแค่ ‘การแสดง’ จากฝั่งที่กำกับโดย ฟลอเรนติโน เปเรซ ว่า เรอัล มาดริด ‘มีเงิน’ และ ‘พยายามที่จะซื้อตัวเอ็มบัปเป้’ แล้วในปีนี้ แต่เมื่อไม่สำเร็จก็ยินดีจะรอไปอีก 1 ปี เพื่อเซ็นสัญญามาร่วมทีมแบบฟรีๆ

 

แต่ต้องระวังการตลบหลังจากเปแอสเชที่เลโอนาร์โดเองก็ยืนยันว่า พวกเขาพออ่านสถานการณ์ออก และหากสมมติว่า เปแอสเชตัดสินใจยอมรับข้อเสนอขึ้นมาและเอ็มบัปเป้เร่งให้ปิดดีล ฝ่ายที่แพ้และสูญเสียอาจจะไม่ใช่พวกเขา

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X