การเคลื่อนไหวของเงินบาทไทยวันนี้ (17 ธันวาคม) แข็งค่าเร็วเมื่อเทียบกับช่วงวันทำการก่อนหน้า โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในระดับ 29.86 บาทต่อดอลลาร์ เป็นระดับการแข็งค่าสุดรอบกว่า 7 ปี นับจากปลายเดือนพฤษภาคม 2556 ขณะที่ไทยเพิ่งถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จัดให้อยู่ในประเทศที่ต้องเฝ้าจับตาดู เพราะอาจมีการบิดเบือนค่าเงินเผื่อหวังผลทางการค้า
พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า แม้ไทยจะยังไม่โดนขึ้นบัญชีประเทศที่บิดเบือนค่าเงิน แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ไท ติดอยู่ในบัญชีต้องเฝ้าระวังประเทศที่เข้าข่ายบิดเบือนค่าเงินเผื่อหวังผลทางการค้า และสาเหตุดังกล่าวน่าจะทำให้เงินบาทวันนี้แข็งค่าขึ้น เพราะตลาดคาดการณ์ว่าทางการไทยคงไม่กล้าเข้าไปแทรกแซงในตลาดเงินมากนัก
อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เงินบาทในช่วงที่ผ่านมาแข็งค่าต่อเนื่อง ยังคงมาจาก 3 ปัจจัยหลักคือ การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง แม้ว่าจะไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา และการส่งออกชะลอลง ซึ่งเป็นผลจากการนำเข้าที่ลดลงมากกว่า สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอเพราะขาดการลงทุน
นอกจากนี้ไทยยังมีเงินเฟ้อในระดับต่ำเมื่อเทียบกับต่างประเทศ โดยเงินเฟ้อพื้นฐานของไทยเฉลี่ยแค่เพียง 0.1% เทียบกับของสหรัฐฯ ที่อยู่ระดับ 1.6% เท่ากับว่าเงินเฟ้อไทยสูงกว่าของสหรัฐฯ ถึง 1.5% สะท้อนถึง Value ของเงินบาทที่ไม่ค่อยเสื่อมค่า
อีกปัจจัยคือ ดอกเบี้ยของไทยอยู่ระดับสูงกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งข้อนี้แม้ทางการไทยจะมองว่าดอกเบี้ยนโยบายของเราอยู่ระดับต่ำ แต่หากเทียบกับอีกหลายประเทศแล้วจะเห็นว่าดอกเบี้ยนโยบายเขาติดลบ เมื่อนักลงทุนเริ่มคลายกังวลจากประเด็นปัญหาทางเศรษฐกิจและเริ่มที่จะมองหาแหล่งลงทุน ไทยจึงกลายเป็นเป้าหมายในการลงทุนจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า
จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส Chief Investment Office บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS CIO) กล่าวว่า สาเหตุการแข็งค่าของเงินบาทในวันนี้ นอกจากประเด็นเรื่องที่ไทยถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีเป็นประเทศที่ต้องจับตาเพราะอยู่ในข่ายที่อาจจะมีการบิดเบือนค่าเงินเพื่อหวังผลทางการค้าแล้ว ยังมีประเด็นการแข็งค่าของเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียที่แข็งค่าขึ้นด้วย ทำให้เงินบาทไทยแข็งค่าตาม
“เงินบาทที่แข็งคิดว่าส่วนหนึ่งมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคด้วย โดยช่วงนี้เราจะเห็น Fund Flow ไหลเข้ามาในตลาดหุ้น อย่างของหุ้นไทยเองก็ทยอยซื้อมาต่อเนื่อง”
นอกจากนี้ผู้เล่นในตลาดเงินส่วนใหญ่หาคนที่ซื้อเงินดอลลาร์ได้น้อยมาก ในฝั่งของผู้ส่งออกที่มักเป็นผู้ซื้อเงินดอลลาร์ เมื่อเห็นแนวโน้มค่าเงินจะแข็งค่าก็ชะลอซื้อไว้ก่อน ดังนั้นแนวโน้มระยะสั้นค่าเงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าได้ต่อเนื่อง โดยในปีหน้า SCBS CIO ประเมินว่าเงินบาทมีโอกาสจะแข็งค่าแตะระดับ 29 บาทต่อดอลลาร์ได้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
