วันนี้ (12 มีนาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะ สส. จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีความกังวลว่า ในช่วงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะมี สส. ของพรรคเพื่อไทยขาดการประชุมเพื่อไปต้อนรับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ระหว่างวันที่ 14-16 มีนาคมนี้ จะมีการห้าม สส. เดินทางไปหรือไม่ว่า ไม่ได้ห้าม แต่วันที่ 14-15 มีนาคมเป็นวันประชุมสภา ซึ่ง สส. มีหน้าที่ประชุมสภา ตนได้ฟังที่ วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันดังกล่าวเป็นวันประชุมสภา การที่ สส. จะไม่ปฏิบัติหน้าที่ในที่ประชุมถือว่ามิชอบ
ส่วนจะมีการคาดโทษอะไรหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนไม่ทราบ คงไม่มีการคาดโทษอะไร แต่ว่าไม่เหมาะสมเพราะขาดประชุม การลาประชุมด้วยเหตุแบบนี้คงต้องไปพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านมองว่าการที่ทักษิณเดินทางกลับเชียงใหม่เป็นเรื่องของการเมือง นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นสิ่งที่เขาจะมอง แต่จะเป็นหรือไม่อยู่ที่ข้อเท็จจริง ต้องดูพฤติการณ์ต่างๆ ซึ่งตนไม่สามารถห้ามแต่ละคนแสดงความคิดเห็นได้ ส่วนคำว่าการเมือง เข้าใจความหมายของคำว่าการเมืองอย่างไร ก็ต้องไปถามคนนั้นด้วย
เมื่อถามว่า แฟนคลับที่จะรวมตัวกันไปรับทักษิณจะต้องไปเงียบๆ ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “การที่ผู้คนจะไปเจอกันจะต้องทำลับๆ หรือเปิดเผย อะไรเหมาะสม สังคมโดยรวมจะเป็นผู้ตัดสินเอง ถ้าไปแบบลับๆ แล้วสังคมโดยรวมรู้ ก็จะมีข้อสงสัยว่าไปทำอะไรกัน สังคมขณะนี้ต้องการความโปร่งใสเปิดเผยตรวจสอบได้ ถ้ามีความจริงใจต่อกันในมุมนี้ พฤติกรรมทุกคนเห็นหมด ก็จะได้จบคำถามว่าอะไร ทำไม”
เมื่อถามว่า สังคมรับรู้ว่าทักษิณป่วยหนักวิกฤต การเดินทางไปถึงเชียงใหม่อาจจะกระทบต่อสุขภาพหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ป่วยหนักวิกฤตเป็นคำนิยามที่ทุกคนมอง ซึ่งสถานะบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็ไม่ได้ป่วยตลอดเวลา ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะหาย ในการรักษา การตัดสินว่าหนักหรือไม่หนักต้องตัดสินขณะใดขณะหนึ่ง ไม่ใช่ว่าป่วยหนักตลอดปีตลอดชาติ ตนไม่ได้กวน แต่หากราชทัณฑ์และแพทย์ให้ความเห็นว่าทักษิณสามารถเดินทางได้นั้น หมายความว่าสภาพร่างกายที่เจ็บป่วยดีขึ้น แพทย์จึงอนุญาต
จุลพันธ์ชี้ เพื่อไทยไม่ห้าม สส. บินรับทักษิณ แต่ไม่ควร
ด้าน จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ส่วนตัวไม่มีกำหนดการ เพราะจะเดินทางร่วมคณะไปกับนายกรัฐมนตรีในการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังไม่ได้มีการนัดพบทักษิณ แต่หากได้พบก็เป็นเรื่องดี
ส่วนการพูดคุยรวมกลุ่ม สส. ที่จะไปพบ จุลพันธ์กล่าวว่า คนที่อยากไปพบท่านมีเยอะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละบุคคล ควรเข้าประชุมสภา ส่วนตัวคงไม่มีโอกาสไปพบกับทักษิณเว้นวันหยุดราชการ ซึ่งหาก สส. คนใดมีความประสงค์ก็เป็นสิทธิ ตนคงไม่ได้ห้าม
เมื่อถามว่า ไม่เหมาะที่ สส. จะเดินทางไปพบทักษิณใช่หรือไม่ จุลพันธ์ระบุว่า ไม่ เพราะตนก็อยู่สภา ก่อนจะร่วมคณะกับนายกรัฐมนตรีไปจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 15 มีนาคมช่วงเย็น แต่จะมี สส. เดินทางไปช่วงเย็นวันศุกร์หรือไม่ ยังไม่ได้คุยกัน
พร้อมระบุว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีคำสั่งห้าม แต่เป็นความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล แต่การเป็น สส. สำคัญที่สุดคือการประชุมสภา เมื่อมีการประชุมสภาก็ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่
ทักษิณไปเชียงใหม่ทำได้ แค่ไม่ออกนอกประเทศ
ขณะที่ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า อธิบดีกรมคุมประพฤติรายงานมาว่า ระหว่างวันที่ 14-16 มีนาคมนี้ ทักษิณขออนุญาตเดินทางไปเพื่อพบแพทย์ทางเลือกและเยี่ยมญาติบรรพบุรุษ ซึ่งทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ห้ามออกนอกประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ไม่จำเป็นจะต้องชี้แจงอย่างเป็นทางการของกรมราชทัณฑ์ เป็นเรื่องของกรมคุมประพฤติระดับเขต
พ.ต.อ. ทวี ระบุว่า ไม่ได้มองทักษิณเคลื่อนไหวเป็นประเด็นการเมือง เนื่องจากการเดินทางจะมีพยาบาลไปด้วย เพื่อไปพบแพทย์ทางเลือก
สุทินรับ เคยขอพบทักษิณ แต่ถูกไล่ให้กลับไปทำงาน
สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีหากมีโอกาสจะไปพบกับทักษิณว่า หากกลับมากรุงเทพฯ คงหาเวลาไปพบท่าน แต่ไม่ใช่ช่วงที่เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ แต่เตรียมนัดหมายที่จะเข้าพบกับทักษิณ โดยประสานผ่านเลขาฯ ของท่าน คงอีกสักพักหนึ่ง ซึ่งตนต้องการไปขอคำปรึกษา คำแนะนำเรื่องการบริหาร ในฐานะผู้บริหารที่มีประสบการณ์
ส่วนกรณีที่มีการออกมาปราม สส. ไม่ให้ไปพบทักษิณที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น สุทินกล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีการปรามหรือไม่ แต่ สส. ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม หากมีภารกิจหน้าที่ก็ทำไป โดยตัวทักษิณก็ประสงค์เช่นนั้น เพราะหลายครั้งที่ตนเคยขอเข้าพบ แต่ท่านไม่ให้พบและไล่ให้ไปทำงาน ดังนั้น สส. ก็คงเข้าใจ
สุทินกล่าวด้วยว่า เคยประสานเพื่อขอเข้าพบทักษิณไปแล้ว ซึ่งท่านให้เหตุผลว่า หากมีงานอยู่ก็ทำงานไปก่อน ถ้าว่างจริงๆ แล้วค่อยมา พร้อมบอกว่า เห็นงานยุ่ง งานเยอะ ก็ทำงานไป
ส่วนกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี สุทินกล่าวว่า ไม่ได้คิด ไม่รู้ และไม่ได้วิเคราะห์ เราก็ทำงานไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมฟุตบอลที่อาจจะปรับผู้เล่น ปรับแผนการเล่น เป็นไปได้ทั้งนั้น ก็ไม่ได้เป็นกังวล ส่วนผลงานจะเข้าตาหรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบ ต้องไปถามนายกรัฐมนตรี
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่า สุทินอยากเป็นกองหน้าหรือกองหลัง สุทินกล่าวว่า เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น ตำแหน่งไหนก็มีประโยชน์ มีความสำคัญ มีผลงานในทีม ไม่ว่าจะเป็นศูนย์หน้า มิดฟิลด์ หรือเซ็นเตอร์
