นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยแกนนำพรรค เข้าให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานสอบสวน ตามหมายเรียกพยานของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในคดีระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่มี พ.อ. บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมาย คสช. ในฐานะผู้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ดูแลหรือเจ้าของเพจอนาคตใหม่ และเพจธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา กระทำผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2)
หลังเข้าพบพนักงานสอบสวน นายธนาธรเปิดเผยว่า มาเป็นพยานกรณีที่ทำการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก ในวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยเนื้อหาพูดถึงประเด็นปัญหาการลงพื้นที่ ทั้งเรื่องการดูด ส.ส. ปัญหาการสร้างโบราณสถาน ปัญหาราคาสินค้าการเกษตรฯ ยืนยันว่าเป็นข้อมูลข้อเท็จจริง และจะทำการไลฟ์ต่อไปเพราะไม่ได้ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน
โดยมั่นใจว่าการดำเนินคดีครั้งนี้จะไม่ส่งผลต่อการยุบหรือจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ แต่ถือว่าเป็นเกียรติยศที่ คสช. ยอมรับและตระหนักถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของพรรคอนาคตใหม่ ขณะเดียวกันรู้อยู่แล้วว่าไม่ช้าก็เร็ววันนี้ต้องมาถึง ซึ่งการเข้าให้ปากคำครั้งนี้ไม่ได้ทำให้กลัวหรือหมดกำลังใจ
ตามหมายเรียก นอกจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่แล้ว ยังมี นายไกลก้อง ไวทยการ ว่าที่นายทะเบียนพรรคอนาคตใหม่ และนางสาวจารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ว่าที่กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะผู้ร่วมทำการถ่ายทอดสดในคลิปดังกล่าวด้วย
นายธนาธรระบุด้วยว่า การเลือกทำงานด้านการเมืองแล้วไม่มีศัตรูทางการเมืองเลยเท่ากับว่าไม่มีจุดยืนทางการเมือง และหากคู่ต่อสู้ทางการเมืองคือ คสช. เป็นการตอกย้ำถึงคุณค่าที่ยึดถือว่าพรรคกำลังปกป้องอะไร
นายธนาธรแสดงความพร้อมสำหรับการทำไพรมารีโหวต ในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น หลังมีกระแสข่าวว่าอาจมีการเสนอให้เลื่อนการทำไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งอำนาจการตัดสินใจเป็นของ คสช. และ กกต. โดยยืนยันว่าจะทำการเมืองด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประชาธิปไตยไทยที่มีความเท่าเทียมโดยไม่มีใครหนุนหลัง ย้ำด้วยว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่ภัยความมั่นคงของประเทศ แต่เป็นภัยต่อคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย
นอกจากนี้นายธนาธรยังมองว่า การลงพื้นที่ ครม. สัญจร เป็นการทำกิจกรรมเพื่อเตรียมจัดการเลือกตั้ง ถือเป็นการได้เปรียบเสียเปรียบต่อพรรคการเมืองอื่นๆ โดยชี้ว่าทำให้การเลือกตั้งไม่สง่างามหากทุกฝ่ายไม่สามารถแสดงความคิดเห็นหรือทำกิจกรรมทางการเมืองได้ จึงเรียกร้องให้ คสช. ปลดล็อกกิจกรรมทางการเมืองโดยเร็ว พร้อมกันนี้ยังแนะ คสช. ว่า ถ้า คสช. อยากปิดกั้นประชาชน ให้ดูการเลือกตั้งของกัมพูชา ที่พรรคของรัฐบาลได้ที่นั่งทั้งหมด และกล่าวได้ว่า “อย่ามาทำใส่เสื้อคลุมประชาธิปไตยแต่เนื้อแท้เป็นเผด็จการ”
นายธนาธรระบุด้วยว่า การประชุมระหว่าง คสช. และพรรคการเมืองที่จะเกิดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่จะหารือว่าจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ ชี้ว่าการประชุมในเดือนมิถุนายน ทุกฝ่ายต่างคาดหวังว่าจะได้ข้อสรุปสำหรับวันเลือกตั้งที่ชัดเจน แต่สิ่งที่ได้มีเพียงกำหนดการที่จะประชุมอีกครั้งในเดือนกันยายนเท่านั้น พร้อมมอง คสช. ยื้อเวลาออกไปอีก 2 เดือน ซึ่งอำนาจในการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นของ คสช. พร้อมทิ้งท้ายว่า “สนามฟุตบอลเป็นของ คสช. และกรรมการก็เป็นของ คสช. ขณะเดียวกันกติกาก็เป็นของ คสช. อนาคตใหม่พร้อมต่อสู้ในสนามแม้ว่าจะเสียเปรียบในทุกประตู”