วานนี้ (4 เมษายน) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 32 สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 วาระพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ซึ่งสมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เข้าชื่อกันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ต่อเนื่องเป็นวันสุดท้าย
ในช่วงท้ายของการอภิปราย ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่ อภิชาติ ศิริสุนทร สส. แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล อภิปรายนโยบายการเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก. เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร และข้อพิพาทในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ร.อ. ธรรมนัส ตั้งคำถามว่า อภิชาติเป็นคนเดียวที่ไม่เข้าใจหรือไม่ เพราะประชาชนทุกจังหวัดในภาคอีสานเข้าใจดีว่าการเปลี่ยนแปลง ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตรคืออะไร เนื่องจากมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง และพรรคพลังประชารัฐได้ปราศรัยหาเสียงแต่ปี 2562-2566 ประชาชนทุกภาคเข้าใจหมด มีแต่อภิชาติที่ไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจ บิดเบือนข้อเท็จจริง กล่าวหาหลายอย่าง
ประเด็นแรกที่คณะอนุกรรมการ One Map มีมติว่า พื้นที่แนวเขตอุทยานฯ เขาใหญ่เป็นพื้นที่ของเขตอุทยานฯ เขาใหญ่ โดยอ้างถึงอธิบดีกรมแผนที่การทหาร ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ ร.อ. ธรรมนัสนั้น ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า อภิชาติควรต้องไปถามอธิบดีในยุคก่อน ไม่ใช่ในยุคนี้ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง การจะมอบนโยบายที่ดินต้องมีขั้นตอน กว่า One Map จะบังคับใช้ไม่ใช่แค่มีมติแล้วจบ และในมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2566 ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า แนวเขตอุทยานฯ เขาใหญ่ยังไม่ได้ข้อยุติ จึงยังไม่สามารถนำมาบังคับใช้ได้ ขอชี้แจงให้เข้าใจตรงกันว่าอภิชาติพูดข้อเท็จจริงไม่หมด
ประเด็นที่ 2 เรื่อง ประกาศของคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) อภิชาติก็อ่านมาไม่หมด พี่น้องประชาชนเข้าใจหมดแล้วก็ยังนำมาถามต่ออีก ประกาศตั้งแต่ที่ตนเองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ล้วนเป็นเรื่องขยายความทั้งหมดตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ในขณะนั้นและยังไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน จึงต้องมีการปั๊มตรายางประทับว่าเป็นกิจการอะไรในทางวิชาการเกษตรผ่านทาง คปก. มาตีความกิจการนั้นๆ
นอกจากนี้ในส่วนของกิจการเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งอภิชาติตีความว่าจะนำไปเอื้อนายทุน ปลูกโรงแรมและรีสอร์ตนั้น แต่กลับยกตัวอย่าง ‘พะเยาโมเดล‘ ซึ่งพื้นที่ของมหาวิทยาลัยพะเยาเกิดขึ้นก่อนที่ตนเองจะเป็นรัฐมนตรีด้วยซ้ำไป ปัจจุบันบริบทเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อครั้ง ครม.สัญจร รัฐมนตรีหลายท่านก็ได้บอกว่าพะเยาเปลี่ยนไปมากจริงๆ
“พื้นที่เปลี่ยนไปเป็นหอพักนักศึกษา เป็นปั๊มน้ำมัน จึงมีความจำเป็นจะต้องขยาย จะให้ไปไล่ทุบกิจการทั้งหลาย ก็ล้วนเกี่ยวเนื่องกับกิจการเพื่อการเกษตรทั้งนั้น รวมถึงที่อยู่อาศัย คนเราไม่มีที่อยู่อาศัย จะให้กางเต็นท์หรือ” ร.อ. ธรรมนัส กล่าว
ร.อ. ธรรมนัส ยังกล่าวถึงการแก้ระเบียบและประกาศของกระทรวงฯ โดยยกตัวอย่างการเปลี่ยนอำนาจในการจัดสรรที่ดิน คปก. ให้เป็นของเลขาธิการ ส.ป.ก. หรือผู้ที่เลขา ส.ป.ก. มอบหมาย อภิชาติก็ตีความผิดอีกแล้ว เนื่องจากประชาชนร้องผ่าน สส. มาว่า ส.ป.ก. จัดสรรที่ดินได้ช้ามาก เพราะอำนาจไปอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัด จึงเป็นที่มาว่าต้องนำเรื่องนี้ไปหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งได้ตีความออกมาว่า อำนาจในการจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรได้เข้าทำกินเป็นของ ส.ป.ก.
ในส่วนของการป้องกันนายทุนเข้ามาขอรับการจัดสรรที่ดินแทนนั้น ร.อ. ธรรมนัส ยืนยันว่า การออกโฉนดเพื่อการเกษตรและมอบสิทธิการทำประโยชน์ให้กับเกษตรกรโดยเพิ่มมูลค่าและสิทธิต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เกษตรกรต้องเข้าทำกินไม่น้อยกว่า 5 ปี และหลังจากเปลี่ยนเป็นโฉนดเพื่อการเกษตรแล้วต้องเข้าทำกิน 2 ปีถึงจะเปลี่ยนมือได้ พร้อมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ถือครองที่ดินเพื่อการเกษตร และมีมาตรการลงโทษที่รุนแรงสำหรับการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย
“เราจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาดที่จะให้ที่ดินโฉนดเพื่อการเกษตรตกไปเป็นของกลุ่มทุน ผมได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการทั้งหมดว่าเราจะเอาจริงเอาจัง เอาที่ดินคืนให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวไทย” ร.อ. ธรรมนัส กล่าว
ในช่วงหนึ่ง รักชนก ศรีนอก สส. กทม. พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นประท้วง ร.อ. ธรรมนัส ว่า ท่านพูดมา 35 นาทีแล้ว เริ่มจะวกวนซ้ำซาก ร.อ. ธรรมนัส จึงตอบกลับทันทีว่า “ไม่วกวนครับคนสวย” ทำให้รักชนกขอให้ถอนคำว่า ‘คนสวย’ และขอให้อย่าใช้อีก ซึ่ง ร.อ. ธรรมนัส ได้ขอโทษและยอมถอน
