×

ทรัมป์ชนะ เศรษฐกิจไทยจ่อเจอผลกระทบ ‘ทางลบ’ มากกว่าบวก หวั่นจีนระบายสินค้ามาไทยมากขึ้น ผู้ผลิตแข่งยากขึ้น หากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้าจีน 60%

06.11.2024
  • LOADING...
ทรัมป์ เศรษฐกิจไทย

KKP ประเมินว่าหาก โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 จะเป็น ‘ผลลบ’ ต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าบวก เนื่องจากนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทั่วโลก 10% และจากจีน 60% อาจทำให้ต้นทุนการค้าโลกเพิ่มขึ้น และไทยอาจต้องรับมือกับคลื่นสินค้าจีนมากขึ้น

 

ในรายการ เกาะติดผลเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 แฮร์ริส VS ทรัมป์ ใครจะคว้าชัย? ของ THE STANDARD วันนี้ (6 พฤศจิกายน) ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) มองว่า มีนโยบายสำคัญของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ที่จะส่งผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจประเทศอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญดังนี้

 

  • การลดภาษีต่างๆ โดยทรัมป์มีการประกาศว่าจะลดภาษีบางประเภทอย่างถาวร เทียบกับก่อนหน้านี้ที่มีการปรับลดชั่วคราวเท่านั้น นอกจากนี้มีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะปรับลดภาษีนิติบุคคลเพิ่มอีก ซึ่งเป็นผลดีต่อกำไร (Earnings) บริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งหากทรัมป์เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย อาจทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขาดดุลเพิ่มขึ้นได้ ทำให้บอนด์ยีลด์อายุยาวของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับต้นทุนทางการคลังที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลสหรัฐฯ

 

  • การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าทั่วโลกในอัตรา 10% และขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 60% ซึ่งย่อมมีผลต่อการค้าและการลงทุนทั่วโลกอย่างแน่นอน

 

สำหรับนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์ ดร.พิพัฒน์ มองว่า มีผลกระทบอยู่ 4 ประการหลักๆ ได้แก่

 

  1. ต้นทุนการค้าโลกจะเพิ่มขึ้น การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะทำให้ต้นทุนในการค้าทั่วโลกแพงขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาการส่งออก รวมถึงประเทศไทย
  2. สินค้าตลาดเกิดใหม่อื่นยกเว้นจีนอาจได้รับประโยชน์ เนื่องจากต้นทุนการซื้อสินค้าจากจีนของสหรัฐฯ อาจจะแพงขึ้น ดังนั้นสินค้าที่ผลิตในไทยอาจจะแข่งขันได้มากขึ้น (Competitive) อาจเป็นผลดีสำหรับประเทศไทยและประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) อื่นๆ
  3. ผู้ผลิตอาจย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เพื่อลดต้นทุนในการส่งสินค้ากลับไปยังสหรัฐฯ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงภาษีในอัตรา 60% โดยประเทศไทยก็อาจจะได้รับผลประโยชน์จากแนวโน้มดังกล่าว ดังนั้นโจทย์ใหญ่ของไทยคือทำอย่างไรให้บริษัทต่างๆ เลือกลงทุนในประเทศไทย
  4. จีนอาจระบายสินค้าออกมามากขึ้น โดยหากทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนจริง ก็อาจทำให้จีนส่งออกไปสหรัฐฯ ได้น้อยลง ดังนั้นจีนอาจต้องระบาย (Dump) สินค้าเหล่านั้นไปยังตลาดอื่น รวมถึงประเทศไทยด้วย

 

ดังนั้น ดร.พิพัฒน์ จึงเตือนผู้ประกอบการในประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยว่าอาจจะต้องเตรียมแข่งขันกับสินค้าจีนมากขึ้น

 

“ช่วงที่ผ่านมาเราเริ่มเห็นว่าการแข่งขันกับสินค้าจีนเริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศแล้ว ซึ่งผลกระทบตรงนี้อาจจะทวีความรุนแรงมากขึ้นหากทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี” ดร.พิพัฒน์ กล่าว

 

ทรัมป์ชนะ ‘ผลลบ’ ต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าผลบวก

 

สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในกรณีที่ทรัมป์ชนะ ดร.พิพัฒน์ ประเมินว่า สุทธิแล้ว (Net) เชื่อว่าจะเกิดผลลบมากกว่าผลบวก โดยมีสาเหตุหลักๆ มาจากต้นทุนการค้าโลกที่จะเพิ่มขึ้น และความเป็นไปได้ว่าจีนอาจระบายสินค้าออกมามากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันไทยกำลังเผชิญปัญหาความสามารถด้านการแข่งขันอยู่แล้ว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใหญ่สุด 3 อุตสาหกรรมของไทย ได้แก่ รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดจากจีน

 

แนะไทยเตรียมทำนโยบายทั้งรุกและรับ

 

ดังนั้นหากการแข่งขันทวีความรุนแรงขึ้นอีก ท่ามกลางภาวะที่เศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ ที่ครองสัดส่วน 18% ของสินค้าส่งออกไทยทั้งหมด

 

ดร.พิพัฒน์ แนะนำว่าไทยต้องทำนโยบายทั้งรุกและรับ เนื่องจากในปีที่ผ่านมาแม้ทรัมป์ไม่ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้ประกอบการไทยก็เผชิญกับการแข่งขันกับจีนอย่างมากแล้ว

 

“ไทยควรมีมาตรการในการรับมือ ตัวอย่างเช่น พิจารณาว่ามีสินค้านำเข้าใดผิดกฎการค้าหรือไม่ เช่น กลุ่มสินค้าที่ขายในราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ที่อาจจะเข้าข่ายสินค้าทุ่มตลาด (Dumpling) แม้เป็นประเด็นที่พิสูจน์ยาก แต่ก็เป็นประเด็นที่ไทยตอบโต้ได้หากจำเป็น หรือการพิจารณาว่ามีสินค้านำเข้าใดที่แข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมหรือไม่”

 

โดยเฉพาะสินค้าในบางอุตสาหกรรมที่ไทยมีความสามารถในการแข่งขันต่ำ แต่เป็นอุตสาหกรรมกลยุทธ์ของประเทศ มีการจ้างงานสูง มีผลกระทบต่อประเทศ ก็อาจมีความจำเป็นที่ไทยต้องใช้มาตรการป้องกันบางอย่าง อย่างที่สหรัฐฯ ยุโรป และอินโดนีเซียเริ่มใช้มาตรการปกป้องบางอุตสาหกรรม

 

อย่างไรก็ตาม ดร.พิพัฒน์ กล่าวว่า ไทยไม่ควรปกป้องอุตสาหกรรมทั้งหมด และต้องพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมไปถึงการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของไทยที่จะรองรับเม็ดเงินลงทุน ทำให้มูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นในประเทศ ทำให้ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising