หุ้นไทย ดิ่งต่อเนื่อง จับตาประเด็นการเมืองในประเทศและเงินดอลลาร์ที่เริ่มกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง

ความเคลื่อนไหวตลาด หุ้นไทย วันนี้ (22 สิงหาคม) ดัชนี SET ปิดตลาดที่ 1,615.82 จุด ลดลง 10.10 จุด หรือ 0.62% ลดลงต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งดัชนี SET ลดลง 10.15 จุด 

ประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งที่ตลาดจับตาในช่วงนี้เป็นเรื่องของประเด็นการเมืองในประเทศ จากกรณีที่ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งคำร้องของพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดในวันที่ 23 สิงหาคม 2565 หรือไม่ 

จากประเด็นการเมืองดังกล่าว ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หากผลการตัดสินออกมาว่ายังไม่ครบวาระ 8 ปี อาจมีแรงกระเพื่อมทางการเมืองตามมาได้ โดยอาจเป็นเรื่องของการชุมนุมทางการเมือง 

ในมุมกลับกัน หากมีการตัดสินว่าครบวาระการดำรงตำแหน่ง อาจส่งผลดีต่อตลาดหุ้นมากกว่า ในแง่ที่ว่าอาจมีทางออกไปสู่การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ 

“โดยปกติแล้วหากมีการยุบสภา หุ้นมักจะลงก่อนราว 1% แต่หลังจากนั้นหุ้นมักจะปรับขึ้นได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับบริบททางการเมืองในแต่ละช่วงด้วย” 

ทั้งนี้ หากดัชนี SET ลดลงไปใกล้ 1,600 จุด อาจเป็นจุดที่น่าทยอยซื้อ เพื่อลุ้นการฟื้นตัวในสัปดาห์หน้า หลังจากที่หุ้นไทยเริ่มปรับฐาน ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เราได้ประเมินไว้ว่าน่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่ดัชนีวิ่งขึ้นมากว่า 100 จุด 

“สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไม่มีปัจจัยบวกมากนัก ส่วนมากเป็นประเด็นที่สร้างแรงกดดันมากกว่า ทั้งประเด็นการซ้อมรบของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ รวมถึงการที่มีบริษัทขึ้นเครื่องหมาย XD กว่า 90 แห่งในสัปดาห์นี้” 

ด้าน ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ประเด็นการเมืองอาจไม่ได้สำคัญมาก โดยเฉพาะหากผลลัพธ์ออกมาเป็นการเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่เข้ามาแทนที่ ทำให้ขั้วการเมืองเป็นเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม หากมีการยุบสภาและเลือกตั้งก่อนกำหนด โดยธรรมชาติของหุ้นไทยแล้วมักจะเกิด Election Rally ได้ในช่วงสั้น 

ส่วนประเด็นสำคัญที่ตลาดจับตาคือปัจจัยภายนอก จะเห็นว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง ขณะที่กรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แต่ละท่านยังไม่ปิดกั้นโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สำหรับการประชุมในเดือนกันยายน 

“หากดู Fed Fund Futures วันนี้ จะเห็นว่านักลงทุนเริ่มกลับมาให้น้ำหนักกับการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% อีกครั้ง ทำให้นักลงทุนขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง รวมทั้งลดความเสี่ยงต่อการประชุม Jackson Hole ช่วงปลายสัปดาห์นี้” 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในระยะสั้นดัชนีหุ้นไทยจะยังยืนเหนือ 1,600 จุด แม้ว่าเงินบาทจะยังอ่อนค่า แต่วันนี้ไม่มีแรงขายในฝั่งตลาดทุนตามมา ส่วนอีกประเด็นที่ต้องติดตามคือการลดขนาดงบดุลของ Fed ที่จะเริ่มขยับเป็น 95,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายนนี้ จากเดิมที่ 75,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน