หุ้นไทยเช้าวันนี้ (14 มีนาคม) ดัชนีเปิดการซื้อขายในแดนลบ จากนั้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนแตะระดับต่ำสุดที่ 1,552.05 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ระดับดัชนี 1,552.70 จุด มูลค่าการซื้อขายช่วงเช้าอยู่ที่ 49,958 ล้านบาท
โดยหุ้น KBANK มีการฟื้นตัวขึ้นในแดนบวก ปิดการซื้อขายที่ 129 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท หรือ 0.78% ขณะที่หุ้น SCB ปิดที่ 98.50 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 1.25% หุ้น CPALL ปิดที่ 60.25 บาท -1.75 บาท หรือ -2.82% หุ้น AOT ปิดที่ 67.25 บาท -0.50 บาท หรือ -0.74% และหุ้น ADVANC ปิดที่ 203.00 บาท +1.00 บาท หรือ +0.50%
ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า หุ้นไทยวันนี้แกว่งตัว Sideways เช่นเดียวกับสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากจิตวิทยาการลงทุนที่เป็นลบจากต่างประเทศ กรณีปัญหาภาคธนาคารสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะมีการเข้ามาแก้ไขปัญหาจากทางการสหรัฐฯ ที่เร็วก็ตาม ขณะเดียวกัน หากอิงภาพระยะกลาง มองว่าเหตุการณ์นี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนให้สิ้นสุดวงจรดอกเบี้ยนโยบายเข้มงวด สะท้อนจาก Dollar Index อ่อนค่า 103.5จุด+/- และ US Bond Yield 2 ปีและ 10 ปี ที่ลดลงสู่ 4.05% และ 3.56% ซึ่งจะเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง
สำหรับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวต่อหุ้นไทยนั้นมีจำกัด และเศรษฐกิจภายในไทยยังฟื้นตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากภาพนักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งขึ้นทุกสัปดาห์ จะหนุนกลุ่มอิงภายในประคองตลาดได้ ประกอบกับ SET ที่อยู่ในโซนลงทุน PER’23 เหลือ 15.3 เท่า จากค่าเฉลี่ย 17.3 เท่า และการเลือกตั้งใหญ่จะเป็นแรงหนุน SET Index เดินหน้าสู่เป้าปี 2023 ที่ 1,800 จุด ทั้งนี้ อิง ERP เฉลี่ย 3.06% โดยปัจจุบันยังให้ลงทุนหุ้นไทยน้ำหนัก 75%
ด้าน วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ปรับตัวในลักษณะ Sideway Down โดยนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการลุกลามจากการสั่งปิดกิจการ Silicon Valley Bank (SVB) และคำสั่งปิดกิจการของ Signature Bank ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่ปล่อยกู้ให้กับอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี ประกอบกับยังจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 21-22 มีนาคมนี้ เพื่อรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ย จึงคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,550-1,590 จุด
ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์ หากมีการประกาศยุบสภาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งในช่วงเดือนพฤษภาคม โดยหุ้นที่ได้อานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าว ได้แก่ TKS, SIRI, PR9, SC, STEC และ STPI และแนะนำต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ที่ใช้สิทธิหมดอย่างรวดเร็ว ได้แก่ MINT, CENTEL, ERW, SPA, AU และ SHR
บทความที่เกี่ยวข้อง
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30%
- ADVANC ทุ่ม 32,420 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ 3BB จาก JAS
- กางแผน ‘โอ้กะจู๋’ หลังมี OR เป็นแบ็กอัป เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 60 แห่ง ขายผักสดและบุก CLMV ก่อน IPO ในปี 2567