×

นายกฯ เชื่อ สหรัฐฯ รอดูฟีดแบ็กรอบโลก ยืนยันไทยจับตาใกล้ชิด มั่นใจผนึกกำลังอาเซียนต่อรองรับมือกำแพงภาษีทรัมป์ได้

โดย THE STANDARD TEAM
24.04.2025
  • LOADING...
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร หารือกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต เกี่ยวกับความร่วมมืออาเซียนรับมือกำแพงภาษีของสหรัฐฯ

วันนี้ (24 เมษายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  เปิดเผยระหว่างการเดินทางเยือนกัมพูชาว่า ระหว่างการหารือกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้มีการพูดคุยถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษี   เชื่อว่าทุกคนที่ประเทศไทยได้ติดตามสถานการณ์และเห็นการเปลี่ยนแปลง หลังจากที่สหรัฐฯให้เวลา 90 วัน 

 

ตอนนี้ผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว ประเทศไทยเลือกที่จะดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดและติดตามในทุกมุมทุกด้าน ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ผ่านมายังไม่ถึง 30 วันมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรอบโลก 

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ส่วนตัวคิดว่าสหรัฐอเมริกาเองก็ต้องรอดูเหมือนกันว่าผลตอบรับที่ออกไปทั่วโลกเป็นอย่างไร มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะการคำนวณและกฎต่างๆ ที่ออกมานั้นค่อนข้างเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับทั่วโลก และเป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ฉะนั้นเรื่องของความรอบคอบ การเตรียมข้อมูลให้พร้อมที่ประเทศไทยทำอยู่ตอนนี้ยังอยู่ในทิศทางที่กำหนดไว้ ไม่ปล่อยให้หลุดมือไปไหน ยังโฟกัสว่าจะสามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า การที่ได้มาพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เราได้พูดคุยถึงกรอบความร่วมมือของอาเซียน ซึ่งแต่ละประเทศมีทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่เหมือนใครและมีจุดแข็ง ถ้ามาร่วมกันแล้วเพิ่มอำนาจการต่อรองจะเป็นไปได้หรือไม่  ซึ่งยังเป็นเพียงแค่แนวความคิด ยังไม่มีการลงนามหรือเซ็นเอกสารใด  

 

ทั้งนี้ ตนได้คุยกับผู้นำในประเทศอาเซียนมาบ้าง และเห็นตรงกันว่า ถ้าเราร่วมมือกันในกลุ่มอาเซียนจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่จะสามารถมีอำนาจในการต่อรอง ซึ่งเราพร้อมที่จะร่วมมือกัน หากมีการขึ้นกำแพงภาษีก็จะรอดไปด้วยกัน 

 

“สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่เราต่อรองได้อย่างแข็งแรง เมื่อได้คุยแล้วก็ดีใจที่ประเทศในกลุ่มอาเซียน ก็เห็นตรงกันในเรื่องนี้ เพราะจะต้องต่อรองอย่างคนที่จะเจรจาแบบเป็นเพื่อนกัน ต่อรองแบบไม่ต้องเสียเปรียบหรือได้เปรียบในช่องว่างที่ใหญ่จนรับไม่ได้ แต่ต้องต่อรองให้เราและเขาก็เข้มแข็งเช่นกัน ต้องวินวินทั้งคู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นตรงกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว

 

ส่วนการที่เรารอจังหวะสังเกตดูท่าทีของสหรัฐฯก่อนที่จะเจรจา เท่ากับเป็นผลดีต่อไทยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คิดว่าเช่นนั้นเพราะสหรัฐฯเองก็สังเกตและดูท่าทีของรอบโลกเช่นกัน เราจึงต้องดูว่าอะไรเกิดขึ้น และจุดไหนเป็นจุดที่เหมาะที่เราจะต่อต้องรองในรายละเอียด ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจับตาดูอยู่ 

 

นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่ต้องห่วง เพราะรัฐบาลปรึกษาทางเอกชนด้วย ทั้งผู้ประกอบการที่ลงทุนในสหรัฐฯ เพราะเราอยากรู้ความเคลื่อนไหวว่าสามารถจะทำอะไรได้บ้างให้ครบถ้วน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising