วันนี้ (15 เมษายน) กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานบริหารบริษัทไทยลีก ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กด้วยหัวข้อ ‘เมื่อไทย(ห)ลีก หลบให้ซีเกมส์ #จากใจคนทำงาน’ ถึงกรณีที่ฟุตบอลไทยลีกปรับโปรแกรมเพื่อช่วยให้ฟุตบอลทีมชาติไทยเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันซีเกมส์ 2021 ที่เลื่อนมาแข่งขันในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
โดยตามเดิมโปรแกรมไทยลีกจะแข่งขันนัดสุดท้ายในวันที่ 7 พฤษภาคม ซึ่งจะตรงกับการแข่งขันฟุตบอลชายทีมชาติไทย นัดแรก รอบแบ่งกลุ่ม พบกับมาเลเซีย ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่ง มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ และชุดอายุ 23 ปี ได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันหาทางออกสำหรับปัญหาโปรแกรมฟุตบอลไทยลีกและบอลถ้วยรายการต่างๆ ที่ตรงกับโปรแกรมรอบแบ่งกลุ่มของฟุตบอลซีเกมส์ เพื่อให้ทีมชาติเดินหน้าทำตามเป้าหมายการเป็นเจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ได้อีกครั้ง
ซึ่งทางไทยลีกได้จัดประชุมร่วมกับสโมสรสมาชิก และได้ข้อสรุปให้เลื่อนโปรแกรมไทยลีกนัดสุดท้ายจากวันที่ 7 พฤษภาคม มาเป็นวันที่ 4 พฤษภาคม พร้อมปรับโปรแกรมการแข่งขันลีกคัพ รอบรองชนะเลิศ ที่จะแข่งขันในวันที่ 11 และ 15 พฤษภาคม จะเลื่อนแข่งขันในวันที่ 25 และ 29 พฤษภาคมแทน
หลังจากการตัดสินใจดังกล่าว เกิดการตั้งคำถามขึ้นจากหลายฝ่ายถึงน้ำหนักความสำคัญที่เหมาะสมสำหรับฟุตบอลซีเกมส์ที่ไทยควรจะให้ เนื่องจากเป็นฟุตบอลรายการที่ไม่ได้อยู่ในปฏิทินของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) และไม่ถูกนับรวมเข้าไปอยู่ในการจัดอับดับโลก FIFA Ranking
จนล่าสุดรักษาการประธานบริหารบริษัทไทยลีกได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า
“เมื่อไทย(ห)ลีก หลบให้ซีเกมส์ #จากใจคนทำงาน
“เหตุผลความจำเป็นต่างๆ ในการขยับโปรแกรมไทยลีกนัดสุดท้าย เพื่อหลบทางให้กับการแข่งขันซีเกมส์ ผมได้อธิบายไปครบถ้วนแล้ว
“รวมถึงผลกระทบทั้งลีกและการเก็บตัวของทีมชาติไทยชุดใหญ่และชุดอายุ 23 ปี ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ก่อนจะไปแข่งรายการ ‘ชิงแชมป์ทวีปเอเชีย’ จะกระทบอย่างไร ผมก็ได้อธิบายไปแล้ว
“เมื่อตัดสินใจแบบนี้ก็ต้องเดินหน้า…ถูก-ผิด-ชอบ-ไม่ชอบ คงต้องใช้เวลาในการตัดสิน
“สิ่งที่ยังไม่ได้พูด (ฝากถึงผู้หลักผู้ใหญ่) และอยากจะชวนแลกเปลี่ยนคือ การตั้งเป้าหมายและความสำคัญของ ‘ซีเกมส์’
“ผมเข้าใจความคาดหวังของหลายฝ่ายที่มีต่อเหรียญทองของทีมฟุตบอลไทยในซีเกมส์
“มันคือเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ
“และความคาดหวังนั้นเองคือสิ่งที่ต้องแบกอยู่บนบ่าของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
“และนั่นคือแรงกดดันที่มีต่อผู้จัดการทีมชาติไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ความคาดหวังต่อเหรียญทองเหรียญนี้ (ของใครบางคน) ยิ่งใหญ่ราวกับได้ไปแข่งฟุตบอลโลก
…
“ถ้าเป็นสมัยเมื่อ 20 ปีก่อน ผมก็คงจะเห็นด้วย แต่มันไม่ควรจะเอามาเป็นความหวังของฟุตบอลทีมชาติไทยในโลกของฟุตบอลสมัยนี้…
“สมัยที่มี FIFA Day เป็นตัวกำหนดการแข่งขันในระดับสากลของทีมชาติแต่ละประเทศ
“สมัยที่การจัดลำดับ FIFA Ranking จะถูกคิดคะแนนต่อเมื่อเข้าเกณท์ระดับ FIFA ‘A Match’ เท่านั้น
“สมัยที่กีฬาฟุตบอลของประเทศกำลังยกระดับและก้าวไปสู่การเป็น ‘กีฬาอาชีพ’ อย่างเต็มตัว
“แต่เรากลับก้าวข้ามไม่พ้น ‘กับดักความสำเร็จ’ ของตัวเอง
“เรายังคงมีความสุขกับความสำเร็จเล็กๆ เฉพาะหน้า และตั้งให้มันเป็นเป้าหมายที่แสนยิ่งใหญ่
“ถ้าเรายังก้าวไม่พ้นจากเวทีภูมิภาค เราจะไม่มีวันก้าวไปสู่เวทีระดับสากลได้ ซีเกมส์ควรจะเป็นเวทีที่เอาไว้สร้างดาวรุ่งดวงใหม่ สร้างระบบ สร้างประสบการณ์ เสริมกระดูกให้เยาวชนทีมชาติไทยก่อนจะก้าวไปสู่ทีมชาติชุดใหญ่ในอนาคต
“เราจะภูมิใจกว่าไหมหากดาวรุ่งของเราไปสู้กับทีมชาติประเทศอื่นๆ ได้อย่างสมศักดิ์ศรี?
“เราจะได้ประโยชน์มากกว่าไหมหากมีนักเตะหน้าใหม่แจ้งเกิดได้อีก 3-4 คนจากเวทีนี้?
“ความสำเร็จของเราอยู่ที่การชูถ้วย คว้าแชมป์ ได้เหรียญทองเท่านั้นน่ะหรือ?
“ถึงเวลาหรือยังที่จะมาร่วมกันออกแบบว่า ‘ความสำเร็จ’ หน้าตามันควรจะเป็นอย่างไร?
“มาจัดลำดับความสำคัญเสียใหม่ เพื่อจะก้าวข้ามระดับภูมิภาคไปสู่ระดับเอเชียและก้าวไปเวทีระดับโลกกันจริงๆ เสียที
“ความสำเร็จของเราจะไม่มีวันยิ่งใหญ่ขึ้นได้ ถ้าเรายังยึดติดกับความสำเร็จเล็กๆ แบบเดิม”
อ้างอิง: