×

ช้างศึก…มีลุ้นไป ‘ฟุตบอลโลก 2026’ แค่ไหน ในวันที่โควตาเพิ่มเป็น 48 ทีม

15.03.2023
  • LOADING...

หลังจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้อนุมัติรูปแบบการแข่งขันใหม่สำหรับฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก เป็นเจ้าภาพร่วม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกนับตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1998

 

โดยไฮไลต์สำคัญคือรูปแบบการแข่งขันใหม่ที่สภาฟีฟ่าทำการรับรองแล้ว ดังนี้

  • จากแข่งขัน 32 ทีม จะเป็น 48 ทีม
  • จากแข่งขัน 64 แมตช์ จะเป็น 104 แมตช์
  • จากแข่งขัน 16 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม ตามแผนเดิม จะเปลี่ยนเป็น 12 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม
  • ทีมแชมป์และรองแชมป์กลุ่มจะผ่านเข้ารอบ 32 ทีมสุดท้ายไปพร้อมกับ 8 ทีมอันดับที่ 3 ที่ดีที่สุด
  • ทีมแชมป์และรองแชมป์จะลงแข่งทั้งหมด 8 เกม ตลอดทัวร์นาเมนต์ จากเดิมที่แข่งกัน 7 เกม

 

และเบื้องต้นมีรายงานระบุว่า ฟีฟ่าจะได้รับรายได้เพิ่มเติมจากการถ่ายทอดสดแมตช์ที่มีจำนวนมากขึ้นถึง 9,000 ล้านปอนด์

 

อย่างไรก็ตาม แผนการนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อฟีฟ่าในแง่ของการเพิ่มรายแค่ฝ่ายเดียว…หากแต่ยังมีอีกหลายประเทศที่เป็นสมาชิกของฟีฟ่า ต่างมองถึงโอกาสในการส่งทีมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งใน 48 ทีม ที่เข้าแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในอีก 4 ปีข้างหน้า

 

ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึง ‘ทีมชาติไทย’ ด้วยเช่นกัน

 

ประเด็นการ ‘เพิ่มโควตา = เพิ่มโอกาส’ เคยถูกพูดถึงมาบ้างแล้วในแวดวงลูกหนังไทย รวมถึง พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมถ์ ก็เคยกล่าวไว้ว่า การเพิ่มทีมในฟุตบอลโลก 2026 จาก 32 เป็น 48 ทีม จะส่งผลให้ทัพช้างศึกมีลุ้นเข้าร่วมมากขึ้น เพราะจะทำให้ชาติจากทวีปเอเชียได้สิทธิ์เข้าแข่งขันอัตโนมัติเพิ่มเป็น 8 ทีม (ไม่รวม 2 ทีมที่จะได้ไปแข่งในรอบเพลย์ออฟกับทวีปอื่น)

 

แล้วโอกาสของประตูที่เปิดกว้างขึ้นแบบนี้ จะทำให้ทีมชาติไทยมีลุ้นสานฝันไปบอลโลกได้แค่ไหนกัน?

 

THE STANDARD ขอถือโอกาสนี้พาแฟนบอลชาวไทยไปมองถึงโอกาสหรือความเป็นไปได้ ผ่าน 2 ตัวแปรสำคัญที่ทีมชาติไทยต้องทำให้ได้หากต้องการร่วมสังเวียนบอลโลก 2026

 

ตัวแปรแรก: ต้องผ่านรอบคัดเลือก

 

ด่านแรกที่ขุนพลช้างศึกต้องก้าวผ่านให้ได้คือการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย (รอบ 2) ซึ่งมีกำหนดจับสลากแบ่งสายในเดือนกรกฎาคม ที่เอเอฟซีเฮาส์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ก่อนเปิดฉากฟาดแข้งในเดือนพฤศจิกายน 2023

 

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจเรื่องของรูปแบบรอบคัดเลือกครั้งนี้ เพราะมีผลต่อเส้นทางสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายโดยตรง

 

โดยทางสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ยังคงแบ่งรอบคัดเลือกเป็นรอบ 1-4 เหมือนเช่นเคย แต่จะต่างออกไปในแง่ของจำนวนทีมในรอบสุดท้ายที่เพิ่มขึ้น เพราะโซนเอเชียได้โควตา 8 ทีม (+1 ทีม กรณีผ่านเพลย์ออฟ)

 

รอบคัดเลือก รอบ 2: ทีมชาติไทยที่มีแรงกิ้งอยู่ในโซนอันดับ 1-25 เมื่อนับเฉพาะจากแรงกิ้งของทวีปเอเชีย (ลำดับที่ 21 และอยู่โถ 3 ในการจัดอันดับ) vทำให้ได้รับสิทธ์ิเข้ามาเล่นรอบ 2 แบบอัตโนมัติ

 

โดยในรอบนี้จะมีทั้งหมด 36 ทีม แบ่งเป็น 9 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม แข่งขันแบบเหย้า-เยือน ซึ่งทีมอันดับ 1 และ 2 ของแต่ละกลุ่ม จะผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รอบที่ 3 หรือรอบ 18 ทีมสุดท้ายต่อไป

 

ทั้งนี้ 18 ทีมที่ผ่านรอบนี้ยังได้รับสิทธิ์ลงเล่นในศึกชิงแชมป์เอเชีย หรือเอเอฟซี เอเชียนคัพ 2027 รอบสุดท้าย แบบอัตโนมัติ

 

รอบคัดเลือก รอบ 3: รอบนี้จะมี 18 ทีม แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม แข่งขันแบบเหย้า-เยือน

 

ซึ่งทีมอันดับ 1 และ 2 ของทั้ง 3 กลุ่ม รวม 6 ทีม จะได้ตั๋วผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ

 

ส่วนทีมที่จบอันดับ 3 และ 4 ของแต่ละกลุ่ม ยังได้โอกาสเข้าไปเล่นต่อในรอบคัดเลือกรอบ 4

 

รอบคัดเลือก รอบ 4: รอบนี้จะเหลือ 6 ทีม แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม แข่งขันแบบเหย้า-เยือน

 

ทีมอันดับ 1 ของทั้ง 2 กลุ่ม จะได้ตั๋วผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ

 

ส่วนอันดับ 2 ของแต่ละกลุ่มในรอบนี้จะได้ไปเล่นในรอบ Inter-Continental Play-Off หรือรอบเพลย์ออฟกับทีมจากทวีปอื่นๆ ซึ่งถือเป็นโควตาสุดท้าย

 

ตัวแปรที่สอง: ฟอร์มการเล่นและผลงานที่ต้องเน้นในทุกๆ นัด

 

การวางเป้าหมายผ่านรอบคัดเลือกจะเป็นสิ่งที่ยากทันทีหากตัวแปรชิ้นสำคัญอย่าง ‘ฟอร์มการเล่นที่ดี’ ไม่สามารถเกิดขึ้นในสนาม

 

ข้อนี้สำคัญ…เพราะเมื่อต้องลงสนามรอบคัดเลือก ขุนพลช้างศึก รวมถึงทีมงานสตาฟฟ์โค้ช จำเป็นต้องเค้นฟอร์มเก่งและกลยุทธ์อันหลากหลายออกมาให้ได้มากที่สุด และจำเป็นต้องเน้นผลงานให้ออกมาดีที่สุดในทุกๆ นัดที่แข่งขัน เพื่อกรุยทางผ่านรอบคัดเลือกไปทีละสเต็ป

 

ทีมชาติไทยชุดนี้เริ่มเข้าสู่ยุคเปลี่ยนถ่ายสายเลือดใหม่มาบ้างแล้วในบางตำแหน่ง และหลายคนพิสูจน์ตัวให้เห็นมาแล้วในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 ซึ่งจบลงด้วยการซิวแชมป์สมัยที่ 7 มาครองอย่างยิ่งใหญ่

 

แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อก้าวขาออกจากอาเซียน สู่การแข่งขันที่เข้มข้นอย่างรอบคัดเลือก ทีมชาติไทยยังต้องทำงานให้หนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง หลังเคยไปได้ไกลสุดบนเส้นทางนี้ที่รอบ 3 (รอบ 12 ทีมสุดท้าย) ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ซึ่งเวลานั้นอยู่ในการดูแลของ ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

 

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการชี้ช่องให้เห็นถึงประตูของโอกาส ในการเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกที่เปิดกว้างขึ้น สำหรับทีมชาติไทยกับโปรเจกต์ Road to ฟุตบอลโลกปี 2026

 

แม้การเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นเพียงการแง้มประตูที่กว้างขึ้นมาเพียงนิดเดียว แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทีมชาติไทยควรจะทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจไขว่คว้าโอกาสที่อยู่เบื้องหน้ามาอย่างสุดแรงเกิด

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising