×

บัวหลวงเผยเศรษฐกิจปี ‘63 ชะลอ ชี้เทคนิคลงทุนต่างประเทศ ย้ำกรอบล่างซื้อ-กรอบบนขาย

19.12.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

2 MINS. READ
  • ปี 2563 เศรษฐกิจไทยยังทรงตัว ทั้งจากการลงทุนภาครัฐที่ยังไม่สูง การส่งออกที่หดตัว การบริโภคภาคเอกชนที่ยังน้อยลง ชี้คนจับจ่ายน้อยลง เผยปัญหาเงินบาทแข็งค่า 3 ปี 20% บล.บัวหลวง แนะแนวลงทุนต่างประเทศเพิ่มผลตอบแทนสูงขึ้น
  • บล.บัวหลวง เปิดรายชื่อหุ้นไทยน่าลงทุน

ตลาดหุ้นไทยปี 2562 ถ้าดูจากดัชนี SET Index ไม่เติบโตเท่าไร ปัจจุบันอยู่ที่ 1,566.74 จุด แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากต้นปีนี้ โดยติดลบ 0.01% ในขณะที่ตลาดหุ้นในต่างประเทศกลับมาเติบโตกว่า 20% (World Index Return) และคาดว่าเทรนด์การลงทุนนี้จะยาวไปถึงปีหน้า 

 

ปี 2563 นักลงทุนขยายไปที่ประเทศไหน ถ้าอยากลงทุนในไทยตัวไหนยังไปได้?

 

 

บล.บัวหลวง แนะลงทุนหุ้นนอกหนีผลตอบแทนหุ้นไทยต่ำ

 

ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง (บล.บัวหลวง) กล่าวว่า ปี 2563 เศรษฐกิจไทยยังทรงตัว ทั้งจากการลงทุนภาครัฐที่ยังไม่สูง การส่งออกที่หดตัว การบริโภคภาคเอกชนที่ยังน้อยลง รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้คนใช้จ่ายน้อยลง โดยปี 2563 คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยกรอบบนจะอยู่ที่ 1,688 จุด ที่ระดับ P/E 16.5 เท่า และกรอบล่างที่ 1,488 จุด ซึ่ง P/E อยู่ที่ 14.5 เท่า 

 

ปัญหาเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เงินบาทเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ากว่า 20% (เฉลี่ย 6% ต่อปี) ส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ในไทยจะสูงขึ้น ดังนั้นจึงลดความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างประเทศด้วย

 

ทั้งนี้ทาง บล.บัวหลวงมองว่า เศรษฐกิจโลกปี 2563 มีทิศทางขยายตัว มากกว่าทั้งจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย อัตราเงินเฟ้อต่ำ การบริโภคยังขยายตัว และหากดูผลตอบแทนย้อนหลังจะพบว่า ดัชนี SET50 ย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทน -0.7%  ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกัน ดัชนี S&P500 มีผลตอบแทนที่ 13.8% ดัชนี Nikkei อยู่ที่ 4.6% ดังนั้น ปี 2563 การกระจายการลงทุนในต่างประเทศมีโอกาสจะเพิ่มผลตอบแทนได้มากขึ้น โดยแนะนำกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่

  • สหรัฐฯ – หุ้นค้าปลีกที่มีการปรับตัวไปกับกระแส E-Commerce ได้ดี เช่น Target, Walmart
  • ฮ่องกง – หุ้นจีนที่เติบโตไปกับกระแสเทคโนโลยีโลก เช่น Alibaba 
  • เวียดนาม – หุ้นอสังหาฯ ขนาดใหญ่ กระแสการขยายตัวของเมือง เช่น VHM

 

 

 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันมองว่าปี 2563 มี 5 สินทรัพย์ที่น่าลงทุน ได้แก่

  1. ตลาดหุ้น ยังมีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าสินทรัพย์อื่นๆ โดยปี 2563 นี้มุ่งกระจายการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 
  2. กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน มีความน่าสนใจเพราะให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ หุ้นกู้ และมีผลตอบแทนเป็นเงินปันผลที่ 5% ต่อปี
  3. ทองคำ น่าสนใจเพราะเห็นสัญญาณจากธนาคารขนาดใหญ่ทั่วโลกหันมาซื้อทองคำ โดยแนะนำว่าควรลงในกองทุนที่มีการป้องกันความเสี่ยงของค่าเงิน เพื่อลดผลกระทบในช่วงที่เงินบาทผันผวน
  4. ตราสารหนี้ หุ้นกู้ ถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าสินทรัพย์อื่นที่มีความผันผวน 
  5. กองทุนน้ำมัน เพราะช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำมันมากกว่าความต้องการของตลาด ทั้งนี้ยังมีความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีรถยนต์ที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

 

นอกจากนี้ ต้องจับตามองภาวะเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจไทยค่อนข้างสูง รวมถึงสถานการณ์เจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยคาดหวังว่าจะเจรจาสิ้นสุดในช่วงกลางปีหน้า ก่อนการเลือกตั้งของสหรัฐฯ 

 

 

แต่ถ้าอยากลงทุนหุ้นไทยปี 2563 กลุ่มไหนน่าสนใจ-ต้องหลีกเลี่ยง

 

ปี 2563 โจทย์ใหญ่ของเศรษฐกิจไทย นอกจากรัฐบาลต้องพยายามขยายการลงทุน การเบิกจ่ายผ่านโครงการขนาดใหญ่ แต่ยังต้องแก้ปัญหาหลัก เช่น การสนับสนุนใน SMEs อยู่รอดได้ในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพราะเป็นกลุ่มรากฐานของประเทศ ขณะเดียวกันต้องหาทางทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ ปี 2562 แม้จะแบ่งพอร์ตการลงทุนส่วนใหญ่กว่า 45% อยู่ในตราสารหนี้ 45% และหุ้น 15% แต่ปี 2563 คาดว่าสัดส่วนลงทุนหุ้นจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามแนะนำเทคนิค กรอบล่างซื้อ-กรอบล่างขาย เพื่อทำกำไรในช่วงระยะสั้น

 

หากจะลงทุนในประเทศไทย กลุ่มที่คาดว่ากำไรธุรกิจจะยังเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่

  1. อาหาร 
  2. ปิโตรเคมี 
  3. Consumer Finance 
  4. การท่องเที่ยว
  5. โรงพยาบาล

 

“ธุรกิจปิโตรเคมี เพราะปัจจุบันราคาหุ้นกลุ่มนี้ถือว่าอยู่จุดต่ำสุดในรอบ 10 ปี หากเศรษฐกิจมีทิศทางดีขึ้น หุ้นกลุ่มนี้จะมีโอกาสเพิ่มขึ้นไปด้วย ขณะที่ธุรกิจโรงพยาบาล โรงพยาบาลขนาดกลางและขนาดเล็กยังมีการขยายมากขึ้น หากอยู่ในจุดคุ้มทุนเมื่อไรจะมีกำไรต่อเนื่อง”

 

นอกจากนี้ มีกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงการลงทุน ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจเกษตร เพราะยังไม่เห็นจุดที่ราคาสินค้าเกษตรปรับสูงขึ้น ขณะที่กลุ่มหุ้นไทยท่ีอยู่ในระดับทรงตัว ได้แก่ ICT ธนาคาร และธุรกิจไฟฟ้า

 

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising