การใช้เงินกว่า 338,445 ล้านบาท ทำให้ ‘เทสโก้ โลตัส’ กลับเข้าสู่อ้อมอกของเครือ CP อีกครั้ง หลังจากต้องไปอยู่ภายใต้การบริหารของเครือซูเปอร์มาร์เก็ตจากสหราชอาณาจักรนานกว่าสองทศวรรษ
นับตั้งแต่ซื้อกลับมา เครือ CP ได้รีแบรนด์และปรับเปลี่ยนร้านค้าให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ภายใต้แรงกดดันจากการระบาดของโรคโควิด และการแข่งขันจากผู้ค้าปลีกออนไลน์
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เครือ CP ได้รีแบรนดิ้งครั้งใหญ่ด้วยการตัดคำว่า ‘เทสโก้’ ออกจนเหลือแต่คำว่า ‘โลตัส’ พร้อมกับเติมตัว ‘เอส’ เข้ามาจนเป็น Lotus’s โดยตัวอักษรที่เพิ่มเข้ามานั้นถูกระบุว่าย่อจากคำว่า ‘สมาร์ท’ (Smart)
นอกจากเปลี่ยนชื่อแบรนด์แล้ว ภายในร้านก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ตัวอย่างเช่น มีป้าย Scan & Go ที่ลูกค้าสามารถสแกนรหัส QR เพื่อซื้อสินค้าและแจ้งจัดส่งตามเวลาที่เลือกโดยที่ไม่ต้องหิ้วกลับบ้านเอง ตลอดจนบริการ Click & Collect ที่ลูกค้าสามารถสั่งทางออนไลน์แล้วค่อยมารับสินค้าที่สาขา และยังมีบริการจัดส่งถึงบ้านผ่านแอปพลิเคชัน Grab
“เรามุ่งเน้นโซลูชันการช้อปปิ้งอัจฉริยะด้วยการบริการส่วนบุคคลและดิจิทัล (Personalized and Digitalized Services)” สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ซีอีโอของเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม ซึ่งเป็นผู้บริหารเชนโลตัส กล่าวกับ Nikkei Asia
รายงานจาก Nikkei Asia ชี้ว่า การดึงดิจิทัลเข้ามาเป็นความพยายามของกลุ่ม CP ที่จะลบความเกี่ยวข้องกับเจ้าของเดิมอย่าง ‘เทสโก้’ ซึ่งทำให้ภาพจำของโลตัสในความรู้สึกของผู้บริโภคคนไทยคือ การมีสินค้าราคาถูกและคุณภาพต่ำ
“เราคาดว่าการรีแบรนด์ (เปลี่ยนชื่อ) ทั้งหมดของเราที่มีร้านค้ากว่า 2,100 แห่งในประเทศไทยจะแล้วเสร็จในปี 2565” สมพงษ์กล่าว
ขณะเดียวกัน ทางเครือ CP จะใช้ความรู้ของตัวเองซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านอาหารของไทยเข้ามาเลือกสรร ‘อาหารสด’ ซึ่งนี่เคยเป็นจุดอ่อนของโลตัสในช่วงที่เชนค้าปลีกจากแดนผู้ดีเป็นผู้บริหารอยู่
โดยอาหารถือเป็นธุรกิจหลักและสร้างรายได้ 1 ใน 3 ของบริษัท แม่ทัพโลตัสขยายความกับ Nikkei Asia ว่า โลตัสจะมุ่งเน้นที่อาหารสดที่มีคุณภาพดีเยี่ยมและการนำเสนอที่หลากหลาย
นอกจากนั้น ด้วยความที่กลุ่ม CP มีร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ 7-Eleven กว่า 12,000 แห่งในประเทศไทย คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 80% ดังนั้น ทางเครือจึงจะนำโนว์ฮาวในส่วนนี้มาใช้กับร้านที่เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย โดยในปี 2564 โลตัสวางแผนจะขยายเพิ่มอีก 300-400 สาขาในรูปแบบต่างๆ
ย้อนกลับไปในปี 2540 ซึ่งเครือ CP กำลังดิ้นรนกับวิกฤตการเงินจนต้องขายหุ้น 75% ในธุรกิจโลตัสให้กับกลุ่มเทสโก้ ก่อนจะขายทั้งหมดในปี 2546 และเมื่อเทสโก้ประกาศขายกิจการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทางเครือ CP ก็ไม่รอช้าที่จะกระโดดเข้าคว้าธุรกิจที่ เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ มองว่าเป็น ‘ลูก’ โดยชนะประมูลกับ T.C.C Group และกลุ่มเซ็นทรัล จนกลายเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ
แต่ในขณะที่โลตัสได้กลับเข้ามาสู่อ้อมอกอีกครั้ง ภูมิทัศน์การค้าปลีกได้รับการเปลี่ยนแปลงในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยการเพิ่มขึ้นของอีคอมเมิร์ซและร้านสะดวกซื้อ ดังนั้น ท้ายที่สุดโลตัสอาจต้องลงเอยด้วยการแข่งกับ 7-Eleven ซึ่งมีเจ้าของเดียวกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘เทสโก้ โลตัส’ คืนสู่มือซีพี ดีลนี้จะเปลี่ยนสมรภูมิค้าปลีกให้ร้อนแรงขึ้นแค่ไหน
- ‘เทสโก้ โลตัส’ ภายใต้ร่มเงาซีพี รีแบรนด์ใหม่ตัด ‘เทสโก้’ เหลือแค่ ‘โลตัส’ พร้อมเปลี่ยนโทนสีเป็นพาสเทล ใช้แห่งแรกที่สาขารามอินทรา
- เจาะลึก CP ตัด Tesco ออก เหลือแต่ Lotus’s วางเป้า 3 ปีรายได้ต้องโต 2 เท่า ก่อนปูทางสู่นามสกุล ‘มหาชน’
อ้างอิง: