‘ตลาดร้านกาแฟ’ ยังคงเป็นตลาดที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยมีสาเหตุจากมูลค่าตลาดที่มากถึง 3.2 หมื่นล้านบาท และยังมีทิศทางที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้เชนต่างๆ เร่งปรับกลยุทธ์เพื่อคว้าโอกาส อย่าง ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ ก็ประกาศเป้าหมายชัดอย่างเป็น 2 ของเชนร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน
การระบาดของโควิดทำให้ตลาดกาแฟนอกบ้านเติบโตขึ้นเล็กน้อย ด้วยพฤติกรรมการบริโภคกาแฟที่เปลี่ยนไป คนทำงานอยู่ที่บ้านมากขึ้น กังวลกับการใช้ชีวิตนอกบ้าน แต่กลับกันด้วยปัจจัยดังกล่าวเองก็ทำให้ธุรกิจเดลิเวอรีเติบโตแบบก้าวกระโดด ทำให้บรรดาผู้เล่นแต่ละรายต่างปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- งานวิจัยใหม่ชี้ การดื่มกาแฟ วันละ 2-3 แก้ว อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ‘อายุขัย’ ยืนยาวขึ้น
- อยากเติมพลังยามบ่าย? ผู้เชี่ยวชาญแนะสูตร ‘Power Nap’ จิบกาแฟก่อนแล้วค่อยงีบ
- ช้าก่อน! คุณดื่มกาแฟผิดวิธีอยู่หรือเปล่า? มาดู 3 วิธีการดื่มกาแฟที่ถูกต้อง และทำให้วันนี้โปรดักทีฟอย่างแท้จริง
สำหรับกาแฟพันธุ์ไทยเองได้ปรับกลยุทธ์ขยายสาขานอกสถานีบริการน้ำมัน เพื่อขยายพื้นที่ให้บริการให้ลูกค้าเข้าถึงร้านกาแฟพันธุ์ไทยได้ง่าย (Accessibility) และเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางเดลิเวอรี
ผลประกอบการในครึ่งปีแรก 2565 ซึ่งเป็นปีที่กาแฟพันธุ์ไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด สามารถทำรายได้ 480 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันในปี 2564 ถึง 2 เท่า ล่าสุดช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 3/65 สามารถทำรายได้ 230 ล้านบาท คาดการณ์ว่าสิ้นปี 2565 จะเติบโตขึ้นอีก 120%
กาแฟพันธุ์ไทยก่อตั้งได้ครบ 10 ปีแล้ว ซึ่งเป็นธุรกิจร้านกาแฟที่อยู่ภายใต้เครือ PT โดย พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ (PTG) บอกว่า ต่อไปนี้จะขยายสาขามากขึ้นทั้งในและนอกปั๊ม
สำหรับการขยายสาขานอกปั๊ม PT เน้นการขยายสาขาใจกลางเมืองในย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล เมืองท่องเที่ยว รวมไปถึงหัวเมืองตามจังหวัดต่างๆ โดยจะมุ่งเน้นขยายสาขาโดยการขายแฟรนไชส์ ที่มีการลงทุนเริ่มต้น 1.25 ล้านบาทต่อสาขา
ปัจจุบันร้านกาแฟพันธุ์ไทยมีสาขาเปิดให้บริการกว่า 500 สาขา มีสัดส่วนของสาขาที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมัน 70% สาขานอกสถานีบริการน้ำมันอีก 30% ซึ่งภายในปี 2566 ได้ตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 1,500 สาขาทั่วประเทศ
“ปีหน้าหากไม่นับ Starbucks เราต้องการขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของเชนร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน แต่ถ้ารวมเราคาดว่าจะใช้เวลา 3-4 ปีด้วยกัน”
ปัจจุบันกาแฟพันธุ์ไทยรั้งเบอร์ 4 ในตลาด โดยเบอร์ 1 คือ Café Amazon ซึ่งได้ระบุว่าตัวเองนั้นเป็นเชนร้านกาแฟที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในโลก ด้วยตัวเลข 3,931 สาขา และมียอดขาย 314 ล้านแก้วในปี 2564
หากไม่นับ Starbucks ที่เป็นแบรนด์ต่างชาติ รองลงมาคือ ‘อินทนิล’ ซึ่งเปิดมาแล้ว 15 ปี ดำเนินธุรกิจโดยบริษัท บางจากรีเทล จำกัด ซึ่ง ณ สิ้นปี 2564 มีสาขาทั้งสิ้น 817 แห่ง
หากมองตัวเลขดังกล่าวแปลว่า ถ้ากาแฟพันธุ์ไทยสามารถขยายสาขาได้ตามเป้าหมาย การขึ้นแซงอินทนิลก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน
แม้การขยายสาขาจะเป็นหัวใจหลักก็จริง แต่สิ่งที่มองข้ามไม่ได้คือ ‘แบรนดิ้ง’ ดังนั้นกาแฟพันธุ์ไทยจึงได้ดึงมือดีด้านการตลาดอย่าง ‘บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์’ มาเป็นที่ปรึกษาด้านแบรนด์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ (Awareness) และการมองเห็นของแบรนด์ (Visibility)
กลยุทธ์ที่สำคัญคือการเดินเกมแบบ Underdog ที่จะใช้ความสม่ำเสมอของรสชาติมาเป็นตัวนำ ไม่ให้ผู้บริโภครู้สึกสงสัยเมื่อดื่มไปแล้วว่ากำลังกินอะไร โดยปีหน้ากาแฟพันธุ์ไทยจะพัฒนาอย่างจริงจังเพื่อทำให้รสชาติเป็นมาตรฐานในทุกสาขา