สื่อนอกเกาะติด เหตุปะทะไทย กัมพูชา ส่อเค้ายกระดับ หลังมีรายงานทหารไทยบาดเจ็บ-เสียชีวิต

สื่อต่างประเทศหลายสำนักเกาะติดสถานการณ์เหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังส่อเค้ายกระดับในขณะนี้ (8 ธันวาคม) หลังมีรายงานทหารไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หลังการปะทะกันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีการสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย

ขณะที่กองทัพภาค 2 ของไทยตรวจพบการเคลื่อนย้ายรถถัง T-55 ของฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนย้ายเข้ามาในพื้นที่ กรุงสำโรง จังหวัดอุดรมีชัย รวมทั้งการอพยพประชาชนกัมพูชาออกจากแนวชายแดน ตั้งแต่ช่วงกลางดึกของเมื่อวานนี้ โดยทหารกัมพูชามีการเตรียมความพร้อมสู้รบขั้นสูงสุด มีการสร้างที่กำบังเพิ่มเติม และเสริมความแข็งแรงที่มั่นตลอดแนวชายแดน

ล่าสุด กองทัพอากาศของไทยส่ง F-16 ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายทหารในกัมพูชา เพื่อตอบโต้การปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของประเทศไทย รวมถึงความปลอดภัยของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน และกำลังพลไทยที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในบริเวณดังกล่าว พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า เป็นการใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

กองทัพอากาศระบุว่า การประเมินข้อมูลทางยุทธการพบความเคลื่อนไหวของการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์หนัก การจัดกำลังรบ และการเตรียมการสนับสนุนด้านการยิงของกัมพูชา ซึ่งมีแนวโน้มอาจนำไปสู่การขยายวงของการปะทะทางทหาร และส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดนไทย

จากสถานการณ์ดังกล่าว กองทัพอากาศจึงใช้กำลังทางอากาศเพื่อยับยั้งและลดศักยภาพทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในระดับที่จำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงของรัฐ โดยการปฏิบัติการกำหนดเป้าหมายเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร คลังอาวุธ ศูนย์บัญชาการ และเส้นทางสนับสนุนการรบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมซึ่งถูกประเมินว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง

กองทัพอากาศยืนยันว่าจะยังคงปฏิบัติการบนพื้นฐานของความรับผิดชอบ เพื่อปกป้องเอกราชอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการรักษาเสถียรภาพของภูมิภาค และป้องกันไม่ให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

สำนักข่าวต่างประเทศยังระบุว่า การปะทะกันนี้เกิดขึ้น หลังจากที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิง โดยมีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน 2025 เป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดยังคงปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังเหตุการณ์ทุ่นระเบิดระเบิด เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัส จนต้องสูญเสียขา ทำให้ไทยประกาศระงับการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงกับกัมพูชา พร้อมทั้งเรียกร้องให้กัมพูชาปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวาอย่างจริงจัง ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่า ทุ่นระเบิดดังกล่าวไม่ใช่ทุ่นระเบิดใหม่ แต่เป็นทุ่นระเบิดที่หลงเหลือจากความขัดแย้งในอดีต

ก่อนที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยจะเปิดคลิปวิดีโอซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ครั้งที่ 22 (22MSP) ภายใต้ระเบียบวาระการพิจารณาคำขอตามข้อ 8 ของอนุสัญญาฯ ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อยืนยันว่า ทุ่นระเบิดเหล่านี้ถูกวางใหม่โดยกัมพูชา พร้อมเสนอให้สหประชาชาติจัดตั้งคณะตรวจสอบ จนนำไปสู่การประท้วงของฝ่ายกัมพูชา

อ้างอิง: