รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่าค่าเงินบาทในวันนี้ (26 เมษายน) อ่อนค่ามาแตะที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์ ถือเป็นการอ่อนค่าสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยปัจจัยหลักเกิดจากการคาดการณ์ของตลาดที่มองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 0.5% ถึง 3 ครั้งติดต่อกันเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ เงินบาทรวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียยังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากราคาน้ำมัน และแนวโน้มของเศรษฐกิจจีนที่มีทิศทางชะลอตัวจากการประกาศล็อกดาวน์รอบใหม่ในกรุงปักกิ่ง
“สกุลเงินในเอเชียอ่อนค่าเกาะกลุ่มไปในทิศทางเดียวกันหมด โดยเงินวอนของเกาหลีใต้อ่อนค่าไปแล้วนับจากต้นปี 5% ส่วนเงินบาทอ่อนค่าไปแล้ว 2.3% อยู่แถวๆ กลางตาราง ขณะที่เงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียอ่อนเพียง 1% เพราะได้รับแรงหนุนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์” รุ่งกล่าว
รุ่งประเมินว่า การส่งสัญญาณให้น้ำหนักดูแลเงินเฟ้อที่จริงจังของ Fed ประกอบกับราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน อาจทำให้ในช่วงไตรมาส 2 นี้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าไปได้ถึง 34.50-35.00 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ยังเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังเงินบาทจะกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้างตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว
“เราเริ่มเห็นผู้นำเข้ามาเร่งซื้อเงินดอลลาร์ตั้งแต่ช่วงที่เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 33.80 บาทต่อดอลลาร์ เพราะมีความกังวลว่าบาทจะอ่อนค่าได้อีก เรามองว่าเงินบาทในปีนี้จะเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวน หากมีสัญญาณการท่องเที่ยวกลับมาบาทก็อาจกลับมาแข็งได้เร็วมากเช่นกัน จึงอยากแนะนำให้ทั้งผู้ส่งออกและนำเข้าใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อล็อกกำไรบางส่วนเอาไว้” รุ่งกล่าว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP