ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (14ตุลาคม) ที่ระดับ 33.17 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 33.45 บาทต่อดอลลาร์ (ณ สิ้นวันที่ 12 ตุลาคม)
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากนักลงทุนต่างชาติทยอยเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยตามความหวังแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจากการทยอยเปิดประเทศในเดือนหน้า
นอกจากนี้แรงขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ในระยะสั้น
ทั้งนี้แม้ว่าเงินบาทอาจกลับมาแข็งค่าได้บ้าง แต่เรายังมองว่าเงินบาทยังมีแนวรับสำคัญที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ และการจะกลับไปแข็งค่าหนักในระยะสั้น เช่น แข็งค่ากลับไปแตะระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์แบบในรอบก่อนหน้าอาจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก เพราะปัจจัยพื้นฐานยังไม่ได้ฟื้นตัวดีมากนัก อีกทั้งสถานการณ์การระบาดของโควิด ล่าสุดมีแนวโน้มน่ากังวลอยู่ หลังยอดผู้ติดเชื้อยังเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.10-33.30 บาทต่อดอลลาร์
ส่วนภาพรวมตลาดการเงินโลก ผู้เล่นในตลาดทยอยกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น โดยตลาดเริ่มลดความกังวลต่อการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ หลังอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ (Core CPI) ในเดือนกันยายน ทรงตัวที่ระดับ 4.0% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ขณะเดียวกันรายงานการประชุมของ Fed ล่าสุดได้ระบุว่า Fed มีแนวโน้มที่จะเดินหน้าลด QE ในช่วงเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม ในอัตราเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้เช่นกัน ซึ่งการทยอยลด QE ดังกล่าวของ Fed จะทำให้การทำ QE สามารถยุติลงได้ในช่วงกลางปีหน้า เพื่อปูทางไปสู่การทยอยขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต
ทั้งนี้คาดว่าผู้เล่นในตลาดจะเริ่มกลับมาให้ความสนใจรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนเป็นสำคัญ ซึ่งหากผลประกอบการของบริษัทส่วนใหญ่ยังมีการเติบโตและผู้บริหารให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุนได้ว่าผลประกอบการในอนาคตจะขยายตัวดีต่อเนื่องได้ เราเชื่อว่าการประกาศงบในไตรมาส 3 จะสามารถช่วยพยุงความเชื่อมั่นนักลงทุนให้กลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นได้
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP