การประชุมเจ้าหนี้ บมจ.การบินไทย (THAI) ในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นนัด ‘ชี้ชะตา’ อนาคตของการบินไทย อาจมีแนวโน้มต้องเลื่อนออกไป หลังมีรายงานว่า ‘เจ้าหนี้ส่วนใหญ่’ ไม่เห็นด้วยกับแผนฟื้นฟูกิจการที่ผู้บริหารแผนของการบินไทยเสนอเข้ามา
อีกทั้ง ‘แผนสอง’ ที่เตรียมไว้สำหรับการกอบกู้การบินไทยในภาวะวิกฤต ด้วยการดึง การบินไทยกลับคืนสู่การเป็นรัฐวิสาหกิจอีกครั้ง เพื่อให้รัฐบาลสามารถใส่เงินเพิ่มทุน หรืออย่างน้อยค้ำประกันเงินกู้ที่การบินไทยต้องกู้ ก็ดูจะล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะเดิมคาดกันว่า ผู้ที่ยังต้องการให้การบินไทยอยู่รอดได้ จะพยายามดันเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันที่ 11 พฤษภาคม แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สุดท้ายมีรายงานจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า การโหวตแผนฟื้นฟูของการบินไทยในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ อาจต้องเลื่อนออกไปก่อน แม้จะมีการจัดประชุมตามปกติ โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถแก้ไขแผนฟื้นฟูที่มีจำนวนกว่า 200 หน้าเสร็จได้ทันตามกำหนดการ
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า การประเมินหนี้ของกลุ่มเจ้าหนี้ทั้งหมด 13,133 ราย ซึ่งแบ่งออกเป็น 36 กลุ่ม มูลหนี้รวมกว่า 4.1 แสนล้านบาท ทางการบินไทยอาจจะไม่ยอมรับหนี้เหล่านี้ทั้งหมด เช่น หนี้ของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ซึ่งตามรายงานหนี้ระบุว่า การบินไทยมีหนี้อยู่ราว 5.3 พันล้านบาท แต่หนี้ในส่วนนี้ การบินไทยอาจยอมรับว่ามีหนี้เพียง 9 ร้อยล้านบาท ทำให้หนี้ส่วนที่เหลือต้องเข้าสู่กระบวนการพิพาทตามกฎหมาย กล่าวคือต้องไปเคลียร์กันในชั้นศาล
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวระบุว่า หากท้ายที่สุดแล้วการประชุมในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ไม่เลื่อนออกไปก็มีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าหนี้การบินไทยจะไม่โหวตรับแผนดังกล่าว เพราะมองว่าแผนที่เสนอเข้ามายังไม่มีความชัดเจน ทั้งในเรื่องการหารายได้ รวมไปถึงแผนการลดต้นทุนในธุรกิจการบิน หรือแม้กระทั่งความชัดเจนของแผนการปรับองค์กร
นอกจากนี้มีรายงานข่าวจากทาง AOT ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหนี้ของการบินไทย ที่มีมูลหนี้ตามรายงานกว่า 5.3 พันล้านบาท ระบุว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) ของ AOT ได้ประชุมในเรื่องนี้ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมได้หารือในประเด็นว่า ควรโหวตรับแผนฟื้นฟูหรือไม่
โดยก่อนหน้านี้ AOT ได้ยื่นคำร้องไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อขอแก้ไขแผนฟื้นฟูการบินไทยใน 4 ประเด็น ให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม ประกอบด้วย
1. แผนการสร้างรายได้และการลดต้นทุนจากธุรกิจการบินที่มีประสิทธิภาพ เช่น แผนการตลาดที่สอดคล้องกับสภาพการแข่งขันและแนวโน้มอุตสาหกรรมการบิน และการบริหารจัดการทรัพยากร ประเภทหลุมจอด เคาน์เตอร์เช็กอิน
2. การพัฒนาธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องการบิน หรือ Non-Flight Business มีกรอบระยะเวลาและขั้นตอนดำเนินงานไม่ชัดเจน และตรงตาม พรบ. การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน พ.ศ. 2562
3. การกำหนดต้นทุนดำเนินงานด้านการบินภายใต้อัตราค่าภาระของแต่ละสนามบิน เช่น ค่าบริการที่เก็บอากาศยาน จะต้องเท่าเทียมกับสายการบินอื่นๆ
4. การปรับลดระยะเวลาปลอดหนี้ ควรแก้ไขเป็นเริ่มชำระเงินต้นทุกๆ ครึ่งปี งวดละ 25% เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามแผนดำเนินธุรกิจ และระยะเวลาที่เหมาะสมในการชำระหนี้ให้ AOT เพราะถือเป็นสาระสำคัญ หากการบินไทยไม่แก้ไขจะส่งผลกระทบต่อ 6 สนามบินที่ AOT ดูแล และกระทบต่อการดำเนินธุรกิจการขนส่งทางอากาศของประเทศด้วย
ทั้งนี้หากการบินไทยไม่ปรับแผนอย่างน้อย 3 ข้อจากที่เสนอไป 4 ข้อ AOTจะให้ตัวแทนลงมติ ‘ไม่ยอมรับ’ แผนฟื้นฟูดังกล่าวของการบินไทย โดยการบินไทยจัดให้มีการประชุมเจ้าหนี้ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เวลา 09.00 น.
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
